Pat Gelsinger ซีอีโอของ Intel ได้อัปเดตเกี่ยวกับทิศทางของบริษัทหลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 โดยเน้น 3 ประเด็นสำคัญที่ต้องมุ่งเน้น ได้แก่

  1. การเพิ่มประสิทธิภาพใน Foundry หรือโรงงานผลิต โดยตอนนี้อินเทลใกล้จะใช้กระบวนการผลิตตัวใหม่ Intel 18A ได้แล้ว
  2. การปรับโครงสร้างต้นทุนให้แข่งขันได้ โดยยังยึดเป้าประหยัดให้ได้หมื่นล้านเหรียญที่ประกาศไปเมื่อเดือนที่แล้ว
  3. เสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ x86 โดยเสริมการพัฒนาด้าน AI เข้าไป

โดยอินเทลวางแผนที่จะทำให้ Intel Foundry เป็นบริษัทลูกที่แยกออกจากอินเทลเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ รวมถึงเตรียมแผนการระดมทุนในอนาคต โครงสร้างใหม่นี้จะช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการเงินทุน นอกจากนี้ Intel จะยังคงเสริมความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ และให้ความสำคัญกับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับยุค AI

ส่วนของการปรับโครงสร้างต้นทุน อินเทลวางแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต โดยจะปรับลดโครงการในยุโรปอย่างเช่น โครงการผลิตในโปแลนด์และเยอรมนีชะลอออกไป 2 ปี แต่ยังคงเดินหน้าโครงการในสหรัฐฯ ที่ Arizona, Oregon, New Mexico, และ Ohio ต่อไป นอกจากนี้ยังมีแผนขยายโรงงานผลิตในมาเลเซียเพื่อรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

ในส่วนของผลิตภัณฑ์อินเทลจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ x86 ทั้งในตลาดคลาวด์ เอดจ์ และศูนย์ข้อมูล อีกทั้งยังจะปรับปรุงผลิตภัณฑ์ด้าน AI ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงการพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตผลิตภัณฑ์ของอินเทล

ทั้งนี้ อินเทลยังได้ร่วมมือกับ Amazon Web Services (AWS) เพื่อผลิตชิปสำหรับ AI โดยใช้กระบวนการผลิต Intel 18A และขยายความร่วมมือผ่านการผลิตชิป Xeon นอกจากนี้ Intel ยังได้รับทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้โครงการ CHIPS and Science Act เพื่อขยายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ

อินเทลจะดำเนินการปรับโครงสร้างของหน่วยงานภายใน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ Edge และ Automotive จะถูกรวมเข้ากับกลุ่ม Client Computing Group (CCG) ขณะที่ธุรกิจ Network and Edge (NEX) จะเน้นที่เครือข่ายและโทรคมนาคม นอกจากนี้ยังจะรวมธุรกิจ Software และ Incubation เข้ากับหน่วยงานหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น Intel ได้ปรับลดกำลังคนและทรัพย์สินทั่วโลก โดยมีแผนจะลดพนักงานลงประมาณ 15,000 คนภายในสิ้นปีนี้ และจะลดพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทครอบครองทั่วโลกถึง 2 ใน 3 ภายในสิ้นปี และเตรียมขายหุ้นของ Altera (บริษัทผู้เชี่ยวชาญชิปแบบ FGPA ที่อินเทลซื้อมาตั้งแต่ปี 1994) ออกบางส่วน รวมถึงจะนำ Altera เข้าตลาดหุ้นด้วย ทั้งหมดเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลดต้นทุนที่ตั้งไว้

สุดท้ายนี้ Intel กำลังอยู่ในช่วงของการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี และมั่นใจว่าจะสร้างอนาคตที่แข็งแกร่งขึ้นผ่านการปรับปรุงนี้