วันอังคารที่ 17 กันยายน บริษัทสตาร์ตอัประบบขับดันจรวดของสหรัฐฯ Ursa Major เผยว่าได้รับสัญญาว่าจ้างจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในการสร้างสายการผลิตและทดสอบเครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงแข็งรุ่นใหม่ ด้วยมูลค่า 12.5 ล้านเหรียญ (416 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนผู้ผลิตเครื่องยนต์จรวดจากเดิมที่มี 2 บริษัทใหญ่คือ Northrop Grumman และ L3 Harris Technologies รวมถึงผู้ผลิตหน้าใหม่ X-Bow Systems เพื่อต้องการเพิ่มอาวุธในคลังแสงที่กำลังลดลง เนื่องจากถูกส่งไปสนับสนุนการใช้ขับดันขีปนาวุธและจรวดในสงครามยูเครนและอิสราเอล
Ursa Major เป็นผู้บุกเบิก Lynx ระบบขับดันจรวดด้วยเครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงแข็ง (SRM) ที่ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติขั้นสูง ซึ่งเครื่องยนต์ดังกล่าวสามารถปรับใช้กับอาวุธขนาดเล็กได้ทุกชนิด เช่น GLSDB ระเบิดขนาดเล็กที่ยิงจากพื้นดิน พัฒนาโดยบริษัท Boeing และ Saab, จรวด SM-6 ของ RTX และจรวดนำวิถีแบบที่ยิงโดยเครื่องยิงจรวดแบบหลายลำกล้อง (MLRS) ของบริษัท Lockheed Martin ที่ใช้อย่างแพร่หลายในยูเครน
เดือนเมษายน 2024 Ursa Major ได้รับสัญญาว่าจ้างจากกองทัพเรือสหรัฐฯ มูลค่า 12.5 ล้านเหรียญ (416 ล้านบาท) ในการสร้างต้นแบบและทดสอบเครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงแข็งสำหรับโครงการขีปนาวุธ เพื่อปรับใช้กับเครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงแข็ง Mk 104 ของกองทัพเรือ ซึ่งใช้สำหรับ SM-2 อาวุธป้องกันขีปนาวุธทางอากาศของ RTX, SM-3 อาวุธป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกล และ SM-6 ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน สรุปง่าย ๆ ว่าตอนนี้บริษัทได้รับการว่าจ้าง 2 สัญญารวมเป็น 25 ล้านเหรียญ (833 ล้านบาท) ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถขยายขีดความสามารถในพัฒนาเครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงแข็งได้ดียิ่งขึ้น
สัญญาว่าจ้างล่าสุดอยู่ภายใต้โครงการเร่งรัดการเปลี่ยนผ่าน (Transition Acceleration Program) ของสำนักงานทุนเชิงกลยุทธ์ (Office of Strategic Capital) ซึ่งช่วยสนับสนุนเงินทุนสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ในการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ