Adobe เปิดตัวเว็บแอปฯ Content Authenticity ที่จะช่วยคุ้มครองความเป็นเจ้าของผลงานของศิลปิน และแยกแยะว่าอะไรคือ AI หรือไม่ใช่ AI ด้วยการให้ผู้ใช้งานป้อนข้อมูลเกี่ยวกับภาพ วิดีโอ และเสียงที่ตนเองสร้างขึ้น และเลือกว่าจะให้นำผลงานเหล่านั้นออกจากการฝึกโมเดล AI เชิงสังเคราะห์ด้วยก็ยังได้

สำหรับข้อมูลที่จะกรอกได้นั้นมีตั้งแต่ชื่อ เว็บไซต์ เพจโซเชียลมีเดีย และอีกมากมาย เว็บแอปฯ นี้ยังง่ายต่อการที่จะเลือกกลุ่มงานที่จะไม่ให้นำไปฝึก GenAI ทีละมาก ๆ แทนการที่จะต้องคอยมาเลือกทีละงานแบบที่ผ่าน ๆ มา

ภาพตัวอย่างการใส่ Content Credentials (ที่มา Adobe)

Content Authenticity จะทำงานเป็นศูนย์กลางสำหรับแพลตฟอร์ม Content Credentials ของ Adobe ที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลระบุความเป็นเจ้าของ และระบุตัวผู้สร้างผลงานนั้น ๆ อีกทั้งยังช่วยระบุด้วยว่าผลงานชิ้นนั้น ๆ ถูก AI สร้างขึ้นมาหรือไม่ด้วย โดยตัวแอปฯ จะผนวกเข้ากับโมเดล AI ที่ชื่อ Firefly ของ Adobe รวมถึงซอฟต์แวร์อื่น ๆ อย่าง Photoshop และ Lightroom รวมถึงแอปฯ Creative Cloud อื่น ๆ ที่รองรับ Content Credentials อยู่แล้ว โดยจะรองรับผลงานทุกชิ้น ไม่เฉพาะที่ใช้แอปฯ ของ Adobe สร้างขึ้นเท่านั้น

A screenshot of the AI preferences in Adobe’s Content Authenticity web app.
ตัวอย่างการเลือกว่าจะให้ผลงานเราถูกนำไปฝึก AI หรือไม่ (ที่มา Adobe)

ในส่วนของการคุ้มครองผลงานจากการถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล GenAI นั้น ตัวเว็บแอปฯ นี้จะช่วยคุ้มครองผลงานจากการนำไปฝึก GenAI จากทุกผู้พัฒนา ไม่ใช่เฉพาะแต่ของ Adobe เท่านั้น แต่จะต้องเป็นผู้พัฒนาที่สนับสนุนแพลตฟอร์มที่ว่านี้เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีเฉพาะ Spawning ผู้พัฒนาเครื่องมือสำหรับตรวจสอบฐานข้อมูลการฝึก AI เท่านั้นที่สนับสนุนแพลตฟอร์มนี้ โดย Adobe ระบุว่าอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนให้เจ้าอื่น ๆ มาร่วมวงสนับสนุนด้วย

Adobe ชี้ว่าข้อมูลที่เจ้าของผลงานกรอกลงไปใน Content Authenticity จะลบได้ยากมาก เพราะมันจะเชื่อมกับตัว Content Credentials ซึ่งข้อมูลในนั้นสามารถกู้คืนได้ด้วยการใช้ลายนิ้วมือดิจิทัล ผสมกับลายน้ำที่มองไม่เห็น และข้อมูลเชิงรหัส ซึ่งป้องกันแม้แต่การเก็บภาพสกรีนช็อตด้วย

นอกจากนี้ เว็บแอปฯ นี้ยังช่วยให้ง่ายต่อการดูว่าผลงานชิ้นไหนมีข้อมูล Content Credentials ฝังอยู่ แม้ว่าผลงานนั้นจะอยู่บนเว็บไซต์ที่ไม่แสดงข้อมูลให้ผู้ใช้ทราบก็ตาม เพราะใน Content Authenticity จะเครื่องมือสำหรับตรวจสอบและแสดง Content Credentials รวมถึงประวัติการแก้ไขข้อมูลที่ว่านี้ด้วย

ทั้งนี้ Content Authenticity ในรูปแบบเว็บแอปฯ จะเปิดให้บริการเป็นแบบเบต้าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 ผู้ที่ต้องการใช้จะต้องมีบัญชี Adobe (แบบฟรีก็ใช้ได้)