เจ้าหน้าที่ Meta Platforms รายหนึ่งวิจารณ์มาตรการของมาเลเซียที่บังคับให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องขอใบอนุญาตตามระเบียบนั้นขาดความชัดเจนและให้เวลาน้อยเกินไป กระทบต่อนวัตกรรมและการเติบโตด้านดิจิทัลในประเทศ

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลมาเลเซียเผยว่าจะบังคับให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มแมสเสจจิงที่มีผู้ใช้ 8 ล้านคนขึ้นไปต้องขอใบอนุญาต โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการแก้ไขปัญหาการหลอกลวง การรังแกทางไซเบอร์ และอาชญากรรมทางเพศบนโลกออนไลน์ ซึ่งหากไม่ทำตามภายในวันที่ 1 มกราคมปีหน้า ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย

อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง โดยเมื่อเดือนสิงหาคม กลุ่มอุตสาหกรรมเอเชียที่มี Meta เป็นสมาชิกเรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซียชะลอการบังคับใช้มาตรการที่ว่านี้ออกไปก่อน แต่รัฐบาลก็ยืนยันจะคงไว้ซึ่งเส้นตายเดิม และระบุว่าบริษัทเทคโนโลยีต้องทำตามกฎหมายเพื่อให้ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

ราฟาเอล ฟรังเกล (Rafael Frankel) ผู้อำนวยการด้านนโยบายสาธารณะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Meta เผยว่าบริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำตามมาตรการของมาเลเซียภายในเส้นตายเดือนมกราคมหรือไม่ เพราะมาตรการดังกล่าวยังขาดความชัดเจน เขายังบอกด้วยว่าเวลาที่กำหนดค่อนข้างกระชั้นชิด และมาตรการลักษณะนี้มักใช้เวลาหลายปีในการตรวจสอบความเหมาะสม เพื่อไม่จำกัดนวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัล

ฟาร์มี ฟัดซิล (Fahmi Fadzil) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศของมาเลเซียเผยภายหลังการเข้าหารือกับผู้แทนนของ Meta ว่ารู้สึกขอบคุณในความตั้งใจที่จะร่วมมือกับรัฐบาลของ Meta แต่ก็เรียกร้องให้ Meta มีมาตรการเชิงรุกเกี่ยวกับเนื้อหาทางเพศของผู้เยาว์มากขึ้น

ทางฟรังเกลชี้ว่า Meta เห็นตรงกับรัฐบาลมาเลเซียในเรื่องการสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ปลอดภัยอยู่แล้ว และชี้ว่าบริษัทไม่ต้องการมาตรการที่กำหนดให้ต้องมีใบอนุญาตเพื่อให้ความปลอดภัยเกิดขึ้น