Tensor หรือชิปที่ Google ออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเอง เรียกว่าไม่สามารถสู้กับชิประดับเรือธงในตลาดได้เลยแม้ว่าจะผ่านไปถึง 4 รุ่นแล้วก็ตาม นอกจากประสิทธิภาพจะไม่สู้แล้ว ในแง่ของการจัดการความร้อนก็ถือว่าเป็นปัญหาที่ผู้ใช้งานเลือกคืนเครื่องมากที่สุดเหมือนกัน

แม้ว่าจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับ Tensor G5 รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะมาพร้อมกับ Pixel 10 หันไปผลิตโดย TSMC ซึ่งคาดว่าจะมีการจัดการพลังงานและความร้อนได้ดีขึ้น แต่ในแง่ของประสิทธิภาพโดยรวมจะไม่ได้ดีขึ้นมากเท่าไหร่นัก

ปัญหาเหล่านี้จะยังไม่จบที่ Tensor G5 แต่สื่อต่างประเทศรายงานว่า Google จะลากปัญหานี้ไปถึง Tensor G6 หรือ Pixel 11 โดย Android Authority ได้ข้อมูลจาก ฝ่าย gChips ของ Google ซึ่งประเด็นสำคัญคือการควบคุมต้นทุนนั่นเอง

Android Authority ระบุว่า จากเอกสารที่หลุดออกมานั้น Google ต้องการควบคุมต้นทุนในส่วนของชิปจึงเลือกใช้ชิปที่บริษัทพัฒนาขึ้นมา หรือก็คือ Tensor นั่นเอง แต่แม้ว่าจะเปลี่ยนมาใช้ Tensor แล้ว ก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายของ Google ในเรื่องการควบคุมต้นทุนอยู่ดี และนั่นทำให้ Tensor G6 อาจต้องด้อยประสิทธิภาพลง

เอกสารดังกล่าวยังเปิดเผยเป้าหมายทางการเงินใหม่ของ Google คือตั้งเป้าจำกัดต้นทุนในส่วนของชิปหรือ SoC เอาไว้ที่ 65 เหรียญ หรือประมาณ 2,250 บาท เพื่อให้ภาพรวมของธุรกิจสามารถไปต่อได้ เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 8 Elite นั้นมีต้นทุนสูงถึง 150 เหรียญ หรือประมาณ 5,200 บาท ซึ่งถือว่าน่าแปลกใจที่ Google ยังต้องการควบคุมต้นทุนให้เข้มงวดขึ้นอีก

จริง ๆ Google ก็รู้อยู่แล้วว่าปัญหาหลัก ๆ ของ Pixel คือชิป Tensor โดยเฉพาะในส่วนของระบบระบายความร้อนและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่ง Google เองก็ตั้งใจที่จะหาทางลดความร้อนที่เกิดขึ้นจากตัวชิป Tensor ซึ่งหนึ่งในวิธีนั้นเรียกว่า Cinematic Rendering Engine หรือชิปจะลดการใช้พลังงานในการบันทึกวิดีโอทำให้เกิดความร้อนที่น้อยลง นอกจากนั้น Google จะทำการลดขนาดและสเปกของ Tensor G6 ลงด้วย

ตามรายงานระบุว่าชิป Tensor G5 จะมีขนาดอยู่ที่ 121 ตารางมิลลิเมตร ส่วน Apple A18 Pro มีขนาดอยู่ที่ 105 ตารางมิลลิเมตร แม้ว่าจะผลิตด้วยกระบวนการเดียวกันโดย TSMC ส่วน Tensor G6 นั้น Google จะอัปเกรดขึ้นไปอีก ตัวชิปจะมีขนาดอยู่ที่ 105 ตารางมิลลิเมตร แต่สิ่งที่ต้องสละไปก็คือ GPU

เดิมที Google จะใช้ GPU IMG EXT ที่ยังไม่เปิดตัว แต่เนื่องจากความล่าช้าจึงตัดสินใจที่จะไม่ใช้ บริษัทมีทางเลือก 2 ทาง ทางเลือกแรกคือใช้ IMG DXT แบบเดียวกับใน Tensor G5 แต่ไม่มี Ray-Tracing หรือใช้ชิป “Redondo” ซึ่งเดิมตั้งใจใช้ใน Tensor G4 IMG CXT โดยไม่ Ray-Tracing เช่นเดียวกัน หากเทียบจากตารางข้างล่างแล้วก็นับว่าเป็นการลดสเปกโดยไม่มี Ray-Tracing เมื่อเทียบกับ Tensor G5 ทำให้บริษัทสามารถประหยัดพื้นที่ของชิปไปได้ 12% ครับ

สุดท้ายก็ต้องรอดูกันว่า Google จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องความร้อนได้หรือไม่ ใครที่ใช้ Pixel มาอย่างต่อเนื่องก็น่าจะพอทราบกันว่าหลาย ๆ รุ่นถือว่าร้อนไม่ธรรมดาเลยครับ