หลังจากซีรีส์เรือธงของออปโป้ห่างหายจากตลาดไทยไป 2 ปี หลังจากวางขาย OPPO Find X5 Series ในไทยเมื่อปี 2022 ในที่สุดออปโป้ก็กลับมาทำตลาดซีรีส์ Find X ในไทยอีกครั้งกับ OPPO Find X8 และ Find X8 Pro ที่กลับมาคราวนี้โฟกัสที่กล้องซูม และประสิทธิภาพในระดับท็อปของวงการ

ซูมโหดด้วยเลนส์ Periscope คู่

จุดเด่นของ OPPO Find X8 Pro คือระบบกล้อง Hasselblad Master ประกอบด้วยเลนส์ 4 ตัวที่ให้ความละเอียด 50 ล้านพิกเซลทุกตัวคือ

  • กล้องมุมกว้าง 15 mm เซนเซอร์ ISOCELL JN5 50 MP f/2.0
  • กล้องหลัก 23 mm เซนเซอร์ LYTIA LYT808 f/1.6 + OIS
  • กล้องซูม Periscope 3 เท่า 73 mm เซนเซอร์ LYTIA LYT500 f/2.6 + OIS
  • กล้องซูม Periscope 6 เท่า 135 mm เซนเซอร์ IMX858 f/4.3 + OIS

ทั้งหมดนี้สามารถซูมได้สูงสุด 120 เท่าด้วย AI Telescope Zoom ที่มีการใช้ AI ประมวลผลข้อมูลภาพที่จับได้ และวาดรายละเอียดในภาพที่ขาดหายลงไปใหม่ ทำให้ผลการซูมทำได้ชัดกว่าเดิม ในส่วนการซูมไม่เกิน 10 เท่านั้นจะใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์ 50 ล้านพิกเซลมาประมวลผลให้เหมือนซูมด้วยเลนส์ ทำให้ยังคงรายละเอียดที่แท้จริงของภาพเอาไว้ได้

แถม OPPO Find X8 Pro ยังมีแอปฯ กล้องที่ร่วมกับ Blackmagic Design เพื่อถ่ายวิดีโอระดับโปรด้วย

ดีไซน์ที่ต่างกัน ตอบรับความต้องการต่างกัน

ปัจจุบันสมาร์ตโฟนจะมี 2 ดีไซน์หลักคือขอบตัดกับขอบมนนะครับ ซึ่ง OPPO Find X8 จะรับหน้าที่เป็นเครื่องขอบตัดจอแบน ส่วน OPPO find X8 Pro จะเป็นเครื่องขอบมน หน้าจอขอบโค้งนิด ๆ ทำให้คนที่ชอบดีไซน์ต่างกัน ก็มีทางเลือกในการซื้อได้

โดย OPPO Find X8 มีหน้าจอขนาด 6.59 นิ้ว ซึ่งเป็นจอที่มีขอบหน้าจอบางที่สุดเท่าที่ออปโป้เคยทำมาคือ 1.45 มม. ส่วน Find X8 Pro เครื่องจะใหญ่กว่านิดหน่อยโดยจอมีขนาด 6.78 นิ้ว ซึ่งทั้งคู่สามารถให้ความสว่างสูงสุดที่ 4,500 nit ในโหมด HDR เหมือนกัน มีรีเฟรชเรต 120 Hz เหมือนกัน แล้วก็ผ่านการรับรอง TÜV Rheinland Eye Comfort 4.0 การันตีว่าเป็นจอที่ทำให้เมื่อยล้าตาน้อยที่สุด โดย OPPO Find X8 จะมีกล้อง 3 ตัว

  • OPPO Find X8 มีน้ำหนัก 193 กรัม มี 3 สีที่เข้าไทยคือ สีเทา Star Grey, สีดำ Space Black และสีชมพู Shell Pink
  • OPPO Find X8 Pro มีน้ำหนัก 215 กรัม และมี 2 สีที่เข้าไทยคือ สีดำ Space Black และสีขาว Pearl White

สิ่งที่เหมือนกันระหว่าง OPPO Find X8 และ X8 Pro

กลับมาคราวนี้รุ่นรองและรุ่นโปรมีสเปกหลักเหมือนกันหลายอย่างคือ

  • CPU: MediaTek Dimensity 9400 ตัวท็อป แรงเทียบเท่า iPhone 16 Pro
  • ระบบกล้อง Hasselblad Master พัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้องสวีเดน พร้อม HyperTone Image Engine ทำให้ได้ภาพที่สวยสมจริง
  • กล้องมุมกว้าง 15 mm ใช้เซนเซอร์ ISOCELL JN5 50 MP f/2.0
  • กล้องซูม 3 เท่า 73 mm ใช้เซนเซอร์ LYTIA LYT500 f/2.6 + OIS
  • ColorOS 15 พร้อม OPPO AI
  • Alert Slider เลื่อนเปิดเสียง, สั่น, ปิดเสียง ได้ 3 ระดับ
  • ป้องกันน้ำระดับ IP69 ทนน้ำลึก 1.5 เมตร 30 นาที และทนการฉีดน้ำแรงดันสูงที่อุณหภูมิ 80 องศาได้
  • ถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision ได้ทุกกล้อง
  • ColorOS 15 พร้อม Android 15 ที่ปรับดีไซน์ใหม่ พร้อมจูนให้ลื่นไหลขึ้น, มี Touch to Share รับ-ส่งไฟล์กับ iPhone ได้โดยตรง (แต่ฝั่ง iPhone ต้องโหลดแอปฯ เพิ่มนะ)
  • OPPO AI ที่ทั้งลบวัตถุในภาพ, ลบเงาสะท้อน, ลบความเบลอ, เพิ่มความละเอียดภาพ, ช่วยปรับข้อความที่เขียน ปรับโทนเขียนได้

เคสพิเศษร่วมมือกับ Maison Kitsuné

OPPO ยังจับมือกับ Maison Kitsuné แบรนด์แฟชั่นชื่อดังจากฝรั่งเศสในการออกเคสน้องจิ้งจอกน่ารัก ซึ่งตัวเคสมีวงแหวนแม่เหล็ก ทำให้ติดอุปกรณ์เสริมแบบแม่เหล็กได้ โดยเคสสำหรับ OPPO Find X8 Pro จะมาพร้อม Griptok แบบแม่เหล็กลายจิ้งจอกด้วย ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะเข้าไทยไหม และราคาเท่าไหร่

ราคาของ OPPO Find X8 ในไทย

เราจะทราบราคาของ OPPO Find X8 ที่ชัดเจนสำหรับไทยในงานเปิดตัววันที่ 22 พ.ย. 2024 ซึ่งเราจะอัปเดตให้ทราบกันอีกครั้ง แต่ราคาที่คาดการณ์ตอนนี้คือ

  • OPPO Find X8 เริ่มต้นไม่เกิน 3 หมื่นบาท
  • OPPO Find X8 Pro เริ่มต้นไม่เกิน 4 หมื่นบาท