Redmi แบรนด์ย่อยของ Xiaomi ได้เปิดตัวสมาร์ตวอตช์และหูฟังไร้สาย TWS (True Wireless Stereo) รุ่นล่าสุด นั่นคือ Watch 5 และ Buds 6 Pro เพื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนเรือธงซีรีส์ Redmi K80 ที่ได้รับการเปิดตัวก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศน์ (Ecosystem) สำหรับอุปกรณ์ของแบรนด์อย่างเต็มประสิทธิภาพ
Redmi Watch 5
เริ่มกันที่ Redmi Watch 5 ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อเนื่องจาก Watch 4 เมื่อปี 2023 โดยมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2.07 นิ้ว และความสว่างสูงสุด 1,500 Nit รวมถึงปรับขอบจอให้บางลง และรองรับรีเฟรชเรต 60 Hz
Redmi Watch 5 มาพร้อมกรอบตัวเครื่องที่ผลิตด้วยวัสดุอลูมิเนียม, เม็ดมะยมผลิตด้วยวัสดุโลหะ เพื่อช่วยควบคุมการทำงานต่าง ๆ อย่างสะดวกรวดเร็ว และเป็นอุปกรณ์แวร์เอเบิลรุ่นแรกที่ได้รับการติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ HyperOS 2 ที่ Xiaomi พัฒนาขึ้น
สมาร์ตวอตช์รุ่นล่าสุดนี้มาพร้อมเวอร์ชัน eSIM ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้โทรและส่งข้อความโดยไม่พึ่งการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนตลอดเวลาได้ และแบตเตอรี่ขนาด 550 mAh ที่รองรับการใช้งานในโหมดธรรมดาได้สูงสุด 24 วัน และโหมด Always-On Display ได้สูงสุด 12 วัน
นอกจากนี้ยังมาพร้อมเซนเซอร์ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจที่มีความแม่นยำถึง 97.1%, ฟีเจอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด, ฟีเจอร์ติดตามคุณภาพการนอนหลับ และติดตามความเครียด รวมถึงติดตั้งเซนเซอร์ระบุตำแหน่ง GNSS และโหมดติดตามการออกกำลังกายหลายประเภท
Redmi Watch 5 มีด้วยกัน 2 สี คือ สีดำและสีเงิน โดยมีราคาอยู่ที่ 599 หยวน หรือประมาณ 2,800 บาท และเวอร์ชัน eSIM มาพร้อมสีเงินไทเทเนียม โดยมีราคาอยู่ที่ 799 หยวน หรือประมาณ 3,800 บาท
Redmi Buds 6 Pro
Redmi Buds 6 Pro มาพร้อมไดรเวอร์ขับเสียงแบบไดนามิคเคลือบด้วยไทเทนียม ขนาด 11 มม. ซึ่งทำงานคู่กับไดรเวอร์ที่ผลิตด้วยวัสดุเซรามิกเพียโซอิเล็กทริก ขนาด 6.7 มม.
หูฟังไร้สายรุ่นล่าสุดนี้ได้รับการปรับปรุงระบบตัดเสียงรบกวนแบบ ANC (Active Noise Cancelation) ที่สามารถลดเสียงรบกวนรอบข้างลงได้สูงสุดถึง 55 เดซิเบล, รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3, รองรับการเข้ารหัสเสียง LHDC 5.0 และ LC3 รวมถึงแบตเตอรี่ในตัวหูฟังและเคสที่ช่วยให้ใช้งานได้สูงสุด 36 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมาพร้อมเวอร์ชัน Gaming Edition ที่มีความหน่วงเสียงเพียง 20 มิลลิวินาที และรองรับการเข้ารหัสเสียง LHDC Lossless
Redmi Buds 6 Pro มาพร้อมสีเขียวหยก, สีขาว และสีดำ โดยมีราคาอยู่ที่ 399 หยวน หรือประมาณ 1,900 บาท และเวอร์ชัน Gaming Edition มีราคาอยู่ที่ 499 หยวน หรือประมาณ 2,400 บาท