รายงานจากสำนักความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวันเปิดเผยว่า การโจมตีทางไซเบอร์ต่อหน่วยงานรัฐบาลไต้หวันในปี 2024 เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยวันละ 2.4 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าจากปี 2023 โดยส่วนใหญ่เชื่อว่ามาจากกองกำลังไซเบอร์ของจีน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไต้หวันได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “การคุกคามในพื้นที่สีเทา” ของจีน ซึ่งรวมถึงการซ้อมรบทางทหาร การปล่อยบอลลูนสอดแนม และการโจมตีทางไซเบอร์ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นในขณะที่ปักกิ่งเพิ่มแรงกดดันทางการเมืองและทหารเพื่อบังคับให้ไต้หวันยอมรับการอ้างสิทธิ์อธิปไตยของจีน

รายงานระบุว่าเครือข่ายบริการรัฐบาลของไต้หวัน (Government Service Network – GSN) ได้รับการโจมตีเฉลี่ยวันละ 2.4 ล้านครั้งในปี 2024 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 1.2 ล้านครั้งในปี 2023 เป้าหมายสำคัญของการโจมตีเหล่านี้ ได้แก่ ระบบโทรคมนาคม การขนส่ง และการป้องกันประเทศ

“แม้ว่าการโจมตีจำนวนมากจะถูกตรวจจับและบล็อกได้สำเร็จ แต่ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสะท้อนถึงความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของกิจกรรมแฮกกิงจากจีน” รายงานระบุ

รายงานยังเผยว่า การโจมตีหลายครั้งถูกออกแบบให้สอดคล้องกับการซ้อมรบทางทหารของจีน เช่น การโจมตีแบบ Distributed Denial-of-Service (DDoS) ที่มุ่งก่อกวนการเข้าถึงเว็บไซต์ของหน่วยงานขนส่งและสถาบันการเงินในไต้หวัน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงกดดันและการข่มขู่เชิงทหาร

นอกจากนี้ จีนยังถูกกล่าวหาว่าใช้วิธีการทางไซเบอร์ที่ซับซ้อน เช่น Advanced Persistent Threats (APT) และซอฟต์แวร์ Backdoor เพื่อเจาะระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของไต้หวัน รวมถึงทางหลวงและท่าเรือ

“ความพยายามเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อขัดขวางการดำเนินงานของรัฐบาลไต้หวัน และสร้างความได้เปรียบในด้านการเมือง การทหาร เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ” รายงานระบุเพิ่มเติม

แม้ว่าสำนักงานกิจการไต้หวันของจีนจะไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่จีนมักปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการแฮก อย่างไรก็ตาม จีนยังคงถูกกล่าวหาจากนานาชาติ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งระบุเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าแฮกเกอร์จีนได้ขโมยเอกสารจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ

รายงานของไต้หวันย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันภัยไซเบอร์ในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ และเรียกร้องให้มีการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง