เรียนรู้ที่จะก้าวต่อไป
สิ่งหนึ่งที่ทั้ง Nokia และ BlackBerry มีเหมือนกันก็คือ ทั้ง 2 แบรนด์ไม่ได้สร้างสมาร์ทโฟนภายใต้แบรนด์ของตนเอง
- Nokia อยู่ภายใต้การดูแลของ HMD และผลิตโดย Foxconn FIH Mobile
- BlackBerry ได้สิทธิเพียงซอฟต์แวร์ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของ TCL
อาจกล่าวได้ว่า ทั้ง 2 แบรนด์ ต่างเรียนรู้ที่จะปรับตัวและก้าวต่อไป
ระบบ Android
ก่อนการมาถึงของ iPhone พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS ทั้ง Nokia และ BlackBerry ต่างก็มีซอฟต์แวร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดย
- Nokia ได้ร่วมกับ Microsoft ในการสร้างสมาร์ทโฟนรุ่น Lumia (Microsoft ได้ซื้อใบอนุญาตในการใช้ชื่อ Nokia เป็นเวลา 10 ปี แต่ก็ต้องล้มเลิกไปหลังจากผ่านไปเพียงแค่ 5 ปี)
- BlackBerry ใช้ระบบ BlackBerry OS
ในปีนี้ BlackBerry Mercury จะใช้ระบบปฏิบัติการ Android เช่นเดียวกับ Nokia 6 ซึ่งเราจะได้เห็นประสิทธิภาพในการพัฒนาของทั้ง 2 แบรนด์ในเร็ววันนี้
คนละเส้นทาง
สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนของทั้ง Nokia และ BlackBerry ก็คือ
- BlackBerry Mercury ถูกวางตัวไว้เป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์
- Nokia 6 เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง ราคาประมาณ 250 เหรียญ (ประมาณ 8,800 บาท) แต่ HMD มีแผนจะเปิดตัวอีก 4-6 รุ่นในปี 2017 นี้
ใครสนใจบ้าง ? เวลาเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์
นี่เป็นประเด็นที่สำคัญ เพราะทั้ง Nokia และ BlackBerry ต่างก็เคยตกต่ำเป็นอย่างมากในอดีต
การเปลี่ยนมาเป็น Android ก็ทำให้ Nokia กลายเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าอีกครั้งหนึ่ง หลังจากยุคมืดของ Microsoft ผ่านพ้นไป และด้วยแนวทางที่เน้นความคงทนทำให้น่าสนใจว่าสมาร์ทโฟนรุ่นพรีเมียมของ Nokia จะออกมาในรูปแบบใด
ส่วน BlackBerry ก็ยังคงเน้นซอฟต์แวร์ที่มีความปลอดภัยพร้อมด้วยแป้นพิมพ์ QWERTY อันเป็นเอกลักษณ์
แน่นอนว่าแฟนพันธ์ุแท้ของทั้ง 2 แบรนด์ จะต้องกลับมาซื้อสมาร์ทโฟนเหล่านี้เป็นแน่ คงต้องรอดูกันว่าทั้ง 2 แบรนด์จะมีมนต์ขลังมากพอที่จะสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ใช้รุ่นใหม่ได้หรือไม่ โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางและระดับล่าง
ข้อมูลอ้างอิง : cnet