กลายเป็นประเด็นถกเถียงในโลกออนไลน์ หลังเพจ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว’ ออกมาตั้งคำถามว่า “เมื่อไหร่ TikTok ไทย จะแบนโฆษณา ‘เว็บพนัน’” เหตุจากแอปฯ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอยอดฮิต ที่ขึ้นชื่อเรื่องการแบนเนื้อหาไลฟ์ ศัตรูตัวฉกาจของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่แค่พูดชื่อแบรนด์ โปรโมชัน ลดแลกแจกแถม หรือแม้แต่ราคาสินค้า ก็อาจถูกปิดกั้นการมองเห็นวิดีโอ หรือถึงขั้นปิดแอ็กเคานต์ถาวร

แต่ล่าสุด TikTok กลับปล่อยให้มีการไลฟ์สดเนื้อหาที่เข้าข่ายผิดกฎหมายในประเทศไทย อย่างการเชิญชวนเล่นพนันออนไลน์ ลงทุนแชร์ลูกโซ่ ไปจนปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยขึ้นหน้าฟีดบ่อยครั้งจนสร้างความรำคาญและคลางแคลงใจแก่ผู้ใช้ TikTok หลายคนว่า เหตุใดแอปฯ จึงปล่อยผ่านให้เนื้อหาประเภทนี้สามารถนำเสนอได้ และเมื่อกดรีพอร์ตเรื่องความเหมาะสมไป กลับขึ้นสถานะว่า ไม่พบการละเมิดหลักเกณฑ์สำหรับชุมชน หนำซ้ำยังขึ้นฟีดบ่อยขึ้น ยิ่งปัดทิ้งก็ยิ่งเจอ

เมื่อมาดูในข้อกำหนดของ TikTok ได้ระบุชัดเจนถึงนโยบายการโฆษณา ‘การพนันและเกม’ ว่า บริการการพนันและเกมออนไลน์อาจได้รับอนุญาตให้โฆษณาได้หากเป็นไปตามข้อกำหนด ต่อไปนี้

  • ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
  • จัดเตรียมหลักฐานว่ากิจกรรมการพนันได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากหน่วยงานกำกับดูแล หรือมีการกำหนดว่าถูกต้องตามกฎหมายในตลาดเป้าหมาย
  • แสดงโฆษณาเฉพาะในตลาดที่อนุมัติเท่านั้น
  • ไม่แสดงโฆษณาหรือกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้เยาว์

ทั้งยัง ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการพนันในประเทศไทย โดยอาจอนุญาตเนื้อหาประเภทที่

  • โฆษณาต้องถูกจำกัดให้รับชมได้เฉพาะผู้ชมที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น
  • ห้ามเสนอรางวัลที่เป็นตัวเงิน
  • เกมการพนันจำลอง

และตัวอย่างของกรณีที่ไม่อนุญาต เช่น

  • เกมการพนัน
  • ลอตเตอรี่
  • การพนันด้วยเงินจริง

ทั้งนี้ แม้ว่าในตอนนี้ไลฟ์เชิญชวนเล่นพนันออนไลน์จะไม่เข้าข่ายการแบนของ TikTok เพราะเป็นเพียงการเชิญชวน ไม่ใช่การเล่นพนันเต็มรูปแบบ และบางโฆษณาก็มาในรูปแบบของการลงทุนแชร์ลูกโซ่และกู้เงินนอกระบบ ที่ไม่ใช่เนื้อหาต้องห้าม แต่ตาม พ.ร.บ. การพนันพุทธศักราช 2478 มาตรา 12 ‘การโฆษณาเชิญชวนเล่นพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย’ ต้องระวังจำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้ง ‘ผู้เข้าเล่น หรือ เข้าพนัน’ ที่เรียกว่าลูกค้า เฉพาะสลากกินรวบหรือการเล่นที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจจะผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์อีกด้วย