เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยกับ Samsung Galaxy S25 Series สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจาก Samsung ภาพรวมจะคล้าย ๆ กับ Galaxy S24 Series แต่สำหรับรุ่น Ultra นั้นมีการปรับปรุงดีไซน์โดยการลบเหลี่ยมที่มุมเครื่อง กลายเป็นแบบโค้ง หน้าจอเป็นแบบเรียบ ทำให้ติดฟิล์มได้ง่าย ขอบเครื่องมีความโค้งมนเล็กน้อย ทำให้จับถือได้สบายมือมากขึ้น และที่สำคัญคือน้ำหนักเบาลงทุกรุ่นด้วย
ความแรงของ Galaxy S25
ปีนี้ Samsung เลือกใช้ชิป Snapdragon 8 Elite for Galaxy ทุกรุ่น แรงกว่ารุ่นธรรมดา ไม่มีการแบ่งใช้ Snapdragon และ Exynos แล้ว โดยสามารถทำคะแนนบน Geekbench ในส่วนของ Multi-core ได้ 9,600 คะแนน มากกว่า iPhone 16 Pro ที่ทำได้ราว 8,500 คะแนน ในแง่ของความร้อนก็หายห่วงได้ เพราะ Samsung ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ที่ใหญ่ขึ้นอีก 40% แทบจะเต็มฝาหลัง
กล้องของ Galaxy S25
กล้องเองก็เป็นหนึ่งในจุดขายของ Samsung โดย Galaxy S25 ซีรีส์จะมาพร้อมกับ ProVisual Engine ใหม่ โดยกล้องของ Galaxy S25 Ultra ทั้ง 4 ตัวประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (อัปจากรุ่นก่อนที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล)
- กล้องซูม 3x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
- กล้องซูม 5x ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
ส่วน Galaxy S25 และ S25+ กล้องหลักจะเหลือความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultrawide เป็น 12 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม และไม่มีเลนส์ซูม 5 เท่าครับ
ตัวกล้องรองรับ Virtual Aperture ที่สามารถปรับความชัดลึก-ตื้นได้ สามารถถ่ายวิดีโอ Log ได้ เหมาะสำหรับมืออาชีพที่ต้องการนำไปแต่งทีหลัง โดยมี False color กับ Zebra, ถ่ายวิดีโอกลางคืนได้ดีขึ้น วิเคราะห์คลื่นรบกวนหรือ Noise ทั้งหมด 2 ขั้นตอน, ถ่าย HDR 10 bit ตั้งแต่เริ่ม อีกทั้งยังรองรับการถ่าย 10 bit HLG (ไม่ใช่ Dolby Vision) โดยจะเปิดใช้งานเป็นมาตรฐานเลย
Samsung ได้นำ AI เข้ามาช่วยการประมวลผลขณะถ่ายวิดีโอด้วย อย่าง การซูมจะนิ่งและเนียนขึ้นกว่าเดิม อาศัย AI ช่วยสร้างเฟรมขณะเปลี่ยนเลนส์ สามารถตัดเสียงรบกวนเวลาบันทึกวิดีโอได้ โดยแยกเสียงต่าง ๆ ที่บันทึกมาเป็น 6 ชุด ได้แก่ เสียงพูด, ดนตรี, ลม, ธรรมชาติ, ผู้คน, เสียงรบกวน สามารถแต่งจากวิดีโอที่ถ่ายมาจากกล้องอะไรก็ได้ และยังมี Audio Eraser สามารถลบเสียงร้องในวิดีโอได้เลย
จุดขายหลัก Galaxy AI ที่เก่งขึ้น
ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Galaxy AI ที่รอบนี้ฉลาดขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ
- Circle to search สามารถหาเพลงได้ โดยกดปุ่มโฮมค้าง แล้วฮัมเพลง หรือฟังเพลง, สามารถทำการบ้านได้ แค่วงโจทย์แล้วก็จะได้วิธีการแก้ปัญหาออกมา ค้นหารูปที่ถ่ายด้วยภาษาธรรมชาติได้, วงอาหารแล้วถามสูตรได้
- สรุปเนื้อหาหลังจากการคุยโทรศัพท์ได้ โดยอัดเสียงแล้วถอดเป็นสรุปได้เลยให้แอปโทรศัพท์
- AI Emoji อยู่ใน Samsung Keyboard พร้อมท์สร้างรูปจากคีย์บอร์ดได้เลย
- Pet Portrait Studio ใช้คำสั่ง (Prompt) เพื่อสร้างรูปสัตว์ออกมา
- Live Translate ได้ 20 ภาษาแล้ว
- สามารถใช้คำสั่งเสียงเพื่อปรับการตั้งค่าภายในเครื่องได้ เช่น ออกคำสั่งเสียงเพื่อปรับขนาดตัวอักษรของระบบเป็นต้น
- AI Portrait Pipeline ปรับการถ่ายภาพบุคคลให้ดูสมจริงและสวย ไม่ได้ทำเนียนไปทั้งหมด
- Notification Highlight ดันอันที่สำคัญไว้ข้างบนก่อน
- มี Gemini Live ให้ใช้ฟรี รองรับการทำงานแบบ Cross App คือสามารถทำงานได้กับแอปของ Samsung, Google เอง และแอป 3rd party อย่าง WhatsApp และ Spotify และยังสามารถสั่งให้หาตั๋วคอนเสิร์ต แล้วไปบันทึกไปในปฏิทินเลยได้ด้วย
นอกจากนี้ Galaxy S25 ยังเพิ่มฟีเจอร์ Now มาให้สองอย่าง Now Bar เป็น Live Notification สำหรับการแจ้งเตือนกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากแอปพลิเคชัน เช่น นำทางด้วย Google Maps, จับเวลา หรือเปิดเพลงผ่าน Spotif ซึ่งถ้าใครเปิด Always-on Display ไว้ ก็จะเห็น Now Bar ตัวนี้ชัดเจน
Now ที่สองคือ Now Brief ที่อาศัย AI สรุปภาพรวมชีวิตของเราให้ดูง่าย ๆ ยิ่งเราใช้งานอุปกรณ์ในระบบนิเวศของ Samsung เยอะ เช่นมี Samsung Galaxy Watch ที่เก็บข้อมูลสุขภาพของเรา ทำให้มีรายละเอียดชีวิตเยอะ หน้าสรุปของเราก็จะแสดงข้อมูลที่มีประโยชน์ได้เยอะเหมือนกัน
สีสันและราคา
Samsung Galaxy S25 ซีรีส์มีทั้งหมด 3 ขนาด ได้แก่ Galaxy S25, Galaxy S25+ และ Galaxy S25 Ultra โดย Galaxy S25 Ultra จะมีบอดี้เป็นไทเทเนียม ทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Titanium Silver Blue สีพิเศษของรุ่นนี้, Titanium White Silver, Titanium Black และ Titanium Grey
ส่วนราคาไทยคือ
- Samsung Galaxy S25
- 256GB: 29,900
- 512GB: 34,900
- Samsung Galaxy S25+
- 256GB: 36,900
- 512GB: 41,900
- Samsung Galaxy S25 Ultra
- 256GB: 46,900
- 512GB: 52,900
- 1TB: 62,900