Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงซีรีส์ Galaxy S25 จำนวน 3 รุ่น โดยได้รับการติดตั้งชิปเซต Snapdragon 8 Elite for Galaxy ของ Qualcomm ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งส่งผลให้ Qualcomm สามารถจำหน่ายชิปเซตเรือธงให้แก่ Samsung ได้อีก 12 ล้านชิ้น

ล่าสุด Samik Chatterjee นักวิเคราะห์จาก JP Morgan ได้เปิดเผยว่า ชิปเซต Snapdragon 8 Elite for Galaxy ดังกล่าว มีราคาชิ้นละ 166.67 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5,600 บาทต่อชิ้น ซึ่งหมายความว่า Qualcomm ทำรายได้เพิ่มขึ้นอีก 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 67,200 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังเพิ่มน้ำหนักให้กับหุ้นของ Qualcomm ซึ่งส่งผลให้อัตราการลงทุน (Overweight : เพิ่มน้ำหนักการลงทุน) ในหุ้นของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย จากการที่ Qualcomm ได้ครองการส่วนแบ่งการผลิตชิปเซตระดับเรือธงให้แก่ Samsung แบบ 100% ในปี 2025 นี้

Snapdragon 8 Elite for Galaxy

เดิมที Samsung เลือกติดตั้งชิปเซตตระกูล Exynos ของตนเอง ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธงซีรีส์ Galaxy S ที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ แคนาดา และจีน มาอย่างต่อเนื่องหลายปี

จนกระทั่งในปี 2024 ที่ผ่านมา Samsung Foundry โรงงานผลิตชิปของ Samsung ไม่สามารถรองรับการผลิตชิปเซต Exynos 2500 ในระดับ 3 นาโนเมตร อย่างเต็มศักยภาพได้ ซึ่งทำให้บริษัทตัดสินใจใช้ชิปเซตของ Qualcomm ทั้งหมดสำหรับสมาร์ตโฟนเรือธงซีรีส์ Galaxy S25 ทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในทุกประเทศ

นั่นทำให้สัดส่วนการติดตั้งชิปเซตของ Qualcomm ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธงของ Samsung เพิ่มขึ้นจาก 70% ในซีรีส์ Galaxy S24 มาเป็น 100% ในซีรีส์ Galaxy S25

Snapdragon 8 Elite for Galaxy นั้น ได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร (N3E) เจเนอเรชันที่ 2 ของ TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) และเป็นชิปเซตรุ่นแรกของ Qualcomm ที่ได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับนี้ โดยได้รับการปรับปรุงให้มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 4.47 GHz ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก Snapdragon 8 Elite เวอร์ชันปกติ ที่มีความเร็ว 4.32 GHz

จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรมของ Geekbench ปรากฏว่า Snapdragon 8 Elite for Galaxy นั้น ได้คะแนนในส่วนของ Multi-Core ไป 10,223 คะแนน ซึ่งสูงกว่าที่ชิปเซต Apple M18 Pro ใน iPhone 16 Pro Max ทำได้ถึง 20%