BMC Physiology รายงานว่ากลุ่มวัยรุ่นที่มีอาการติดวิดีโอสั้นอย่างรุนแรงมีแนวโน้มที่จะมีคุณภาพการนอนหลับที่แย่ลงและมีความวิตกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม

ปัจจุบันคอนเทนต์แบบวิดีโอสั้น อย่าง TikTok, Instagram Reels (รวมถึง Facebook) และ YouTube Shorts กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก ๆ โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นที่ได้รับความนิยมสูง จากการศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้เนื้อหาวิดีโอสั้นในวัยรุ่นมากกว่า 60% เป็นผู้ใช้งาน TikTok แบบขาประจำ อีกทั้งยังพบว่ารูปแบบวิดีโอสั้นมีส่วนทำให้เกิดการติดอินเทอร์เน็ตและอาจส่งผลเสียต่อคุณภาพการนอนหลับด้วย

คุณภาพการนอนหลับที่ไม่เพียงพอจะส่งผลต่อสุขภาพอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น พัฒนาการของร่างกายในเด็กที่ยังไม่โตเต็มที่ ความดันโลหิต การมองเห็น และการทำงานของสมอง เป็นต้น

ดร. หลี่ เจียง (Dr. Li Jian) และ ดร. อี้ซูน ยู (Dr. Yizoon Yoo) ได้ศึกษาวิจัยผลกระทบของการติดวิดีโอสั้นต่อคุณภาพการนอนหลับของวัยรุ่นและความวิตกกังวลทางสังคม โดยการศึกษานี้ใช้ข้อมูลจากวัยรุ่น 1,629 คน จากโรงเรียนมัธยมศึกษาสามแห่งในประเทศจีน ในจำนวนผู้เข้าร่วมเป็นชาย 831 คน (51.0%) และหญิง 798 คน (49.0%) อายุเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมคือ 16-17 ปี

การศึกษานี้เผยให้เห็นว่า วัยรุ่นที่มีอาการติดวิดีโอสั้นแบบรุนแรงกว่ามีแนวโน้มที่จะมีคุณภาพการนอนหลับที่แย่ลงและมีความวิตกกังวลทางสังคมในระดับที่สูงกว่า นอกจากนี้ยังพบอีกว่าวัยรุ่นที่มีความวิตกกังวลทางสังคมที่ค่อนข้างสูงยังมีรายงานว่ามีคุณภาพการนอนหลับที่แย่ลงด้วย กล่าวคือปัญหาทั้ง 2 อย่างมีความสอดคล้องกัน

จากการวิเคราะห์เพิ่มเติมพบว่า วัยรุ่นหญิงมีแนวโน้มที่จะมีคุณภาพการนอนหลับที่แย่กว่าวัยรุ่นชาย การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าความแตกต่างนี้อาจเกิดจากความแตกต่างทางสรีรวิทยาและปัจจัยด้านบุคลิกภาพที่ทำให้เด็กผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเกิดความตึงเครียดและวิตกกังวลมากกว่า และส่งผลกระทบต่อการนอนหลับโดยตรง

ดร. เจียง และ ดร. ยู ยังพบอีกว่า การรับชมเนื้อหาที่เป็นอันตรายสามารถเพิ่มระดับความวิตกกังวลทางสังคมที่เกิดจากการรับชมวิดีโอสั้น นอกจากนี้การศึกษายังพบว่าการเสพติดวิดีโอสั้นอาจทำให้เกิดอารมณ์เชิงลบมากขึ้นและอารมณ์เชิงบวกน้อยลง

ผู้ปกครองและครูควรชี้แนะวัยรุ่นอย่างมีสติในการฝึกฝนการเข้าสังคมและการเข้าหาผู้อื่น เพื่อลดผลกระทบจากอารมณ์เชิงลบ เช่น ความวิตกกังวลที่มีผลมาจากการรับชมคลิปสั้น

คณะผู้ทำวิจัย