ทำเนียบขาวระบุว่า อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลการตัดลดงบประมาณรัฐบาลสหรัฐฯ จะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างงานตรวจสอบการใช้จ่ายภาครัฐกับอาณาจักรธุรกิจของเขาหรือไม่ ในโครงการและสัญญาต่าง ๆ ของรัฐบาลที่เขากำกับดูแล

อีลอน มัสก์ วัย 53 ปี รับตำแหน่งหัวหน้าพนักงานพิเศษของรัฐบาล หน่วยงาน Department of Government Efficiency (Doge) ซึ่งถูกตั้งขึ้นมาเพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม เขายังคงดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SpaceX ซึ่งมีสัญญามูลค่ามหาศาลกับ NASA และกองทัพสหรัฐฯ รวมถึงเป็นซีอีโอของ Tesla บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกตรวจสอบจากหลายหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานบริหารความปลอดภัยบนทางหลวงแห่งชาติ (NHTSA) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC)

ด้านคาโรไลน์ ลีวิตต์ (Karoline Leavitt) โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยในการแถลงข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และเขาได้ย้ำว่า “หากมัสก์พบว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนกับสัญญาหรือเงินทุนที่ Doge กำกับดูแล เขาจะถอนตัวจากเรื่องนั้น” พร้อมยืนยันว่ามัสก์ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

มีบางส่วนไม่เห็นด้วย ดร. โดนัลด์ เคทเทิล (Dr. Donald Kettl) อดีตคณบดีโรงเรียนรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ แสดงความคิดเห็นว่า “ผมไม่เคยเห็นกรณีไหนที่บุคคลสามารถตัดสินใจเองว่าเขามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เพราะการให้สิทธิ์นี้แก่ตัวเองก็เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนในตัวมันเอง”

โดยการมอบหมายให้มัสก์ดูแลการใช้จ่ายของรัฐบาล และให้เขาตัดสินใจเองในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน กำลังเป็นที่ถกเถียงอย่างมากในสหรัฐฯ ฝ่ายที่เห็นต่างมองว่าสิ่งนี้อาจทำให้เกิดการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส และอาจเอื้อผลประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเอง ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนเชื่อว่าเขาจะช่วยปฏิรูปและลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ