สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ (NIS) ออกมากล่าวหาว่า DeepSeek เก็บข้อมูลส่วนบุคคลและนำข้อมูลที่ได้ไปฝึกตัวเองมากเกินไป ทางหน่วยยังตั้งคำถามเกี่ยวกับคำตอบของ Deepseek เกี่ยวกับความภูมิใจในชาติด้วย
NIS เผยว่าประวัติการแชตของ DeepSeek มีการส่งต่อกันได้ โดยมีการใส่ฟังก์ชันการเก็บรูปแบบการพิมพ์ของคีย์บอร์ดที่สามารถระบุตัวตนบุคคลต่าง ๆ และสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทต่าง ๆ ในจีน เช่น volceapplog.com
ยิ่งไปกว่านั้น DeepSeek ยังเปิดให้บรรดาบริษัทโฆษณาเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้อย่างไม่จำกัดขอบเขต และยังเก็บข้อมูลของผู้ใช้เกาหลีใต้ไว้ในเซิร์ฟเวอร์จีนด้วย ซึ่งกฎหมายของจีนระบุไว้ว่ารัฐบาลจีนสามารถเรียกเก็บข้อมูลเหล่านั้นได้ด้วย
NIS ยังชี้ด้วยว่า DeepSeek ยังใช้ถ้อยคำสำหรับการตอบคำถามในเรื่องเดียวกันที่แตกต่างกันไปในแต่ละภาษา ยกตัวอย่างเช่น เมื่อถามถึงกิมจิ หากถามเป็นภาษาเกาหลี มันจะตอบว่าเป็นอาหารเกาหลี แต่ถ้าถามเป็นภาษาจีน มันจะตอบว่ากิมจิเป็นอาหารที่มีแหล่งกำเนิดในจีน
ซึ่งเรื่องแหล่งกำเนิดของกิมจิเป็นต้นตอของความตึงเครียดระหว่างชาวเน็ตเกาหลีใต้และชาวเน็ตจีนในหลายปีที่ผ่านมา (คล้าย ๆ กับการช่วงชิงทางวัฒนธรรมระหว่างชาวเน็ตไทยและเพื่อนบ้านข้างเคียง)
นี่ยังไม่รวมถึงการกล่าวหาว่า DeepSeek ปิดกั้นคำตอบที่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง อย่างเช่น กรณีการปราบปรามผู้ชุมนุมในจัตุรัสเทียนอันเหมิน เมื่อปี 1989 ที่ทำให้ DeepSeek ชวนไปคุยเรื่องอื่นแทน