วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ ในระหว่างการประชุมสุดยอดรัฐบาลโลก (World Government Summit) อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้ก่อตั้ง xAI เจ้าของแชตบอตเอไอ Grok 3 กล่าวผ่านการพูดคุยทางวิดีโอว่า ตอนนี้ Grok 3 กำลังพัฒนาอยู่ในขั้นตอนท้าย ซึ่งคาดว่าจะปล่อยออกมาในอีก 1 – 2 สัปดาห์ พร้อมอวดว่ามีความสามารถในการให้เหตุผลและมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าแชตบอตใด ๆ ที่ถูกปล่อยออกมา

ในขณะที่กำลังพัฒนา Grok เพื่อแข่งขันกับ ChatGPT ของ OpenAI, Gemini ของ Google, Copilot ของ Microsoft และ Claude ของ Anthropic แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มัสก์ได้ยื่นข้อเสนอขอซื้อองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ดูแล OpenAI ในมูลค่า 9,740 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 3 แสนล้านบาท เพื่อหวังจะกลับมาควบคุม OpenAI อีกครั้ง แต่ได้ถูก แซม อัลต์แมน (Sam Altman) ซีอีโอของ OpenAI ปฏิเสธกลับไปว่าบริษัทฉันไม่ได้มีไว้ขาย และนี่น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ป่วนคู่แข่งสินะ

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคม มัสก์ได้ฟ้องร้องบริษัท OpenAI รวมทั้งอัลต์แมน และประธานบอร์ดบริหาร เกร็ก บร็อคแมน (Greg Brockman) เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนสู่องค์กรไม่แสวงหากำไร หลังจากคดีเดิมที่คล้ายกันได้ถูกถอนฟ้องไปเมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งทาง OpenAI ได้ให้เหตุผลว่าการก้าวสู่องค์กรแสวงหากำไรจะช่วยให้มีเงินทุนสำหรับพัฒนาเอไอที่ดีที่สุด และตัดมายังเหตุการณ์ล่าสุดที่มัสก์ยื่นข้อเสนอขอซื้อ OpenAI มันทำให้รู้สึกว่าขัดแย้งกับก่อนหน้านี้ที่เขาพยายามฟ้องร้องดำเนินคดีกับฝั่ง OpenAI

มัสก์ผู้สนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จนปัจจุบันได้ดิบได้ดีมีพาวเวอร์นั่งตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงาน DOGE เพื่อช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งในงานนี้มัสก์ได้เผยว่าจะลดค่าใช้จ่ายรัฐบาลสหรัฐฯ ลงให้ได้ 1 ล้านล้านเหรียญ (33.76 ล้านล้านบาท) หรือมากกว่านั้น ซึ่งจะช่วยลดเงินเฟ้อในปี 2025 – 2026

ในระหว่างการประชุมฯ โอมาร์ อัล โอลามา (Omar Al Olama) รัฐมนตรีกระทรวงเอไอของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เผยว่าจะร่วมมือกับบริษัท Boring ของมัสก์ในโครงการ ‘Dubai Loop’ ซึ่งเป็นระบบขนส่งความเร็วสูงผ่านอุโมงค์ใต้ดิน เพื่อรองรับการเดินทางระหว่างพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น มัสก์เผยว่าการเดินทางผ่านอุโมงค์มีความปลอดภัยต่อเหตุแผ่นดินไหว และปลอดภัยกว่าการขนส่งทางอากาศ เช่น แท็กซี่บินได้ และเฮลิคอปเตอร์

นอกจากนี้ มัสก์ยังพูดในแง่มุมทางการเมืองที่ถูกใจผู้ฟังชาวตะวันออกกลางว่า เขาจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ และสหรัฐฯ จะยุ่งเรื่องกิจการระหว่างประเทศน้อยลง ซึ่งควรสนใจเรื่องของตัวเอง แต่ต่างกับทรัมป์ที่กล่าวถึงนโยบายในตะวันออกกลางของสหรัฐฯ ว่า กาซาจะถูกส่งมอบให้สหรัฐฯ ยึดครอง และย้ายชาวปาเลสไตน์ไปอาศัยอยู่ที่อื่นแล้วไม่ต้องกลับมาอีก เพื่อสร้างชุมชนใหม่ที่ปลอดภัย โดยกดดันให้จอร์แดนและอียิปต์เปิดรับการอพยพของชาวกาซา