เปิดตัวเรียบร้อยแล้วกับสมาร์ตโฟนกล้องโหด Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ที่ในปีนี้เปิดตัวมาพร้อมกับการอัปเกรดสเปกในหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่ระบบปฏิบัติการที่อัปเกรดมาเป็น Xiaomi HyperOS 2.0 ที่เพิ่มความพรีเมียมและการออกแบบที่ทำให้การใช้ชีวิตสะดวกขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการใส่ความสามารถ AI เข้ามาในหลาย ๆ ด้าน เช่น AI writing ที่ช่วยเขียนสิ่งต่าง ๆ ได้ในเวลารวดเร็ว ทั้งการอัดเสียง รวมถึงการปรับข้อความให้เหมาะสม ปรับแคปชันในการโพสต์ลงโซเชียลได้ง่าย ๆ, AI Speech Recognition ที่ช่วยถอดข้อความเสียงให้กลายมาเป็นตัวอักษร หรือแปลภาษาแบบ Real-time, AI Search ที่ช่วยในการค้นหาสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว, AI Art สำหรับสร้างอวตารแบบง่าย ๆ แถมเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ด้วย Prompt นอกจากนี้ยังใช้งาน Gemini เพื่อเป็นผู้ช่วยส่วนตัว
ด้านดีไซน์ของ Xiaomi 15 ดูไม่หวือหวามากนัก มีสีให้เลือก 4 สีคือ Green, Black, White และสีพิเศษ Liquid Silver ที่ดูเหมือนกับของเหลว ส่วนดีไซน์ของ Xiaomi 15 Ultra จะมีให้เลือก 3 สีคือ Black, White และ Silver Chrome ที่สีสันได้แรงบันดาลใจมาจากกล้องในตำนานอย่าง Leica ส่วนพื้นผิวก็ใช้ไฟเบอร์กลาสเกรดอากาศยาน (Aerospace-grade glass fiber) ร่วมกับหนัง PU (Polyurethane)

สเปกจอใน Xiaomi 15 ก็ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.36 นิ้ว กับความหนาแน่น 460 ppi ใช้แผงหน้าจอ M9 ที่ให้ความสว่างถึง 3,200 nits แต่ยังประหยัดพลังงานได้ถึง 10% นอกจากนี้ยังใส่เซนเซอร์สแกนนิ้วแบบ Ultra Sonic ให้ตามคำเรียกร้อง ส่วนจอของ Xiaomi 15 Ultra จะใช้จอ WQHD+ AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว กับความหนาแน่น 522 ppi และความสว่างถึง 3,200 nits ส่วนกระจกหน้าจอก็ถูกอัปเกรดมาใช้เป็น Xiaomi Shield Glass 2.0 กับใช้วัสดุแบบใหม่ที่ทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้นถึง 16 เท่า รวมถึงกรอบเครื่องที่ทำจากอะลูมิเนียม CNC ที่เพิ่มความแข็งแรง
สำหรับกล้องก็มีการอัปเกรดมาแบบจัดเต็มทั้งคู่ โดยใน Xiaomi 15 จะมีกล้อง Leica 3 ตัว คือกล้องมุมกว้างพิเศษ 50MP ระยะ 14 มม., กล้องหลัก 50MP มีระยะ 25-46 มม. และกล้องซูม 50MP กับระยะ 60-120 มม. ถือว่ามีระยะโฟกัสครอบคลุมตั้งแต่ 14 มม. ถึง 120 มม. โดยกล้องหลักใช้เลนส์ Leica Summilux ที่ช่วยให้เก็บแสงได้สูง และยังมีการเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน เพื่อให้ถ่ายภาพย้อนแสงออกมาได้คมชัด นอกจากนี้ยังมีรูรับแสง F1.62 ที่ทำให้ได้มิติภาพที่ดูแตกต่าง และเก็บแสงในยามค่ำคืนได้ดี

ส่วน Xiaomi 15 Ultra จะใช้เลนส์ที่มีระยะครอบคลุมตั้งแต่ 14 มม. ไปถึง 200 มม. โดยกล้องหลักจะใช้เซนเซอร์ Sony LYT-900 50MP ขนาด 1 นิ้ว ที่เก็บรายละเอียดภาพได้ดี คู่กับเลนส์ Leica Summilux ที่มีการเคลือบสารลดแสงสะท้อนเพื่อให้ได้รูปถ่ายที่มีความชัดเจน ส่วนกล้องซูมก็อัปเกรดเซนเซอร์มาเป็น 200MP แบบ 13-Chanel Spectrum ที่เก็บสีสันได้ดี นอกจากนี้ Dolby Vision ยังรองรับการถ่ายวิดีโอกับกล้องทุกระยะ และรองรับการถ่ายสโลโมชัน 4K 120FPS ตั้งแต่ระยะการซูม 23 มม. จนถึง 100 มม.
ด้านสเปกทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ก็ใช้เป็น Snapdragon 8 Elite คู่กับระบบระบายความร้อน IceLoop ที่กระจายความร้อนได้ดีขึ้น และแบตเตอรี่ก็ยังได้รับการอัปเกรดโดยใน Xiaomi 15 จะได้แบตเตอรี่ 5,240 mAh ที่รองรับไฮเปอร์ชาร์จ 90W และไฮเปอร์ชาร์จแบบไร้สาย 50W ส่วน Xiaomi 15 Ultra จะได้แบตเตอรี่ 5,410 mAh ที่รองรับไฮเปอร์ชาร์จที่ 90W และไฮเปอร์ชาร์จแบบไร้สาย 80W
สุดท้ายราคาเปิดตัวของ Xiaomi 15 จะมีให้เลือก 2 สเปกคือ
- 12GB + 256GB ราคา 26,990 บาท
- 12GB + 512GB ราคา 29,990 บาท
ถ้าพรีออร์เดอร์ Xiaomi 15 ล่วงหน้าระหว่างวันที่ 4-14 มีนาคม 2568 จะได้รับ Xiaomi Watch S3 และบริการอื่น ๆ มูลค่ารวม 27,724 บาท
ส่วนราคาของ Xiaomi 15 Ultra จะมีให้เลือก 2 สเปกเช่นกัน คือ
- 16GB + 512GB ราคา 42,990 บาท
- 16GB + 1TB ราคา 46,990 บาท
ส่วน Xiaomi 15 Ultra ถ้าพรีออร์เดอร์ล่วงหน้าระหว่างวันที่ 4-14 มีนาคม 2568 จะได้รับ Xiaomi 15 Ultra Photography Kit และบริการอื่น ๆ มูลค่ารวม 32,824 บาท