realme ได้นำสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียม realme 14 Pro และ 14 Pro+ เปิดตัวสำหรับตลาดยุโรปในงาน Mobile World Congress (MWC) ประจำปี 2025 ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ภายหลังจากเปิดตัวที่ประเทศจีนเมื่อเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปิดเผยเป้าหมายเพิ่มฐานผู้ใช้ทั่วโลกขึ้นอีก 2 เท่า ภายในปี 2027
realme 14 Pro+ ซึ่งเป็นรุ่นพรีเมียมในซีรีส์นี้ ใช้ศักยภาพจากชิปเซต Qualcomm Snapdragon 7s Gen 3 ที่มีความเร็วสูงสุด 2.5 GHz ทำงานร่วมกับแรม 12GB และสตอเรจ 512GB โดยได้รับการติดตั้งหน้าจอ AMOLED ขอบโค้งขนาด 6.83 นิ้ว ความละเอียด 1.5 K และรองรับรีเฟรชเรต 120 Hz
reame 14 Pro+ ยังมีจุดเด่นที่กล้องซูมแบบ Periscope ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ซึ่งซูมแบบไม่เสียความละเอียด (Optical Zoom) ได้ 3x และซูมดิจิทัลได้สูงสุด 120x และแบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh ซึ่งรองรับการชาร์จไฟเร็วถึง 80 W
รวมถึงมาตรฐาน IP66, IP68 และ IP69 ซึ่งช่วยป้องกันตัวเครื่องในน้ำลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที และน้ำแรงดันสูงที่อุณหภูมิสูงสุด 80 องศาเซลเซียส และทำงานบนซอฟต์แวร์ realme UI 6.0 ซึ่งอ้างอิงพื้นฐานจากระบบปฏิบัติการ Android 15

สำหรับ realme 14 Pro นั้น ใช้ศักยภาพจากชิปเซต MediaTek Dimensity 7300 ที่มีความเร็วสูงสุด 2.5 GH ซึ่งทำงานร่วมกับแรม 8GB และสตอเรจ 256GB โดยได้รับการติดตั้งจอ AMOLED ขอบโค้งขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+
ด้านระบบกล้องนั้นได้ตัดกล้องซูมแบบ Periscope ออกไป แต่ยังคงกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และเซนเซอร์วัดระยะสีขาวดำความละเอียด 2 ล้านพิกเซลเช่นเดิม
realme 14 Pro ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh เช่นกัน แต่รองรับการชาร์จไฟเร็ว 45 W และมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP66, IP68 และ IP69

สมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่น รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0 โดยมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว, สีชมพู, สีเทา และสีม่วง ซึ่ง realme 14 Pro นั้น มีน้ำหนัก 179 กรัม ในขณะที่ realme 14 Pro+ นั้นมีน้ำหนัก 194 กรัม
realme 14 Pro และ 14 Pro+ เวอร์ชันจำหน่ายในยุโรป มีราคา 430 ยูโร (ประมาณ 15,500 บาท) และ 530 ยูโร (ประมาณ 19,100 บาท) ตามลำดับ
