OpenAI เปิดตัว Deep Research ตัวแทน Agent AI อัจฉริยะที่สามารถสำรวจเว็บไซต์, อ่านเนื้อหา, คัดกรองข้อมูล และสรุปออกมาเป็นรายงานเชิงลึกได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งไม่ใช่แค่แชตบอตธรรมดา แต่เป็นการจำลองการใช้เหตุผลเพื่อค้นคว้าแบบมนุษย์ ที่อาจเป็นก้าวใหญ่ในการเปลี่ยนวิธีการทำงานของสายอาชีพด้านข้อมูลและวิจัย
Deep Research เริ่มเปิดให้ใช้งานเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในทุกแพ็กเกจของ ChatGPT แบบเสียเงิน
- ผู้ใช้ Plus จ่าย 20 เหรียญ หรือประมาณ 660 บาทต่อเดือน สามารถส่งคำถามให้ AI ค้นคว้าเชิงลึกได้ 10 ครั้งต่อเดือน
- ขณะที่ผู้ใช้ ChatGPT Pro ที่จ่าย 200 เหรียญ หรือประมาณ 6,600 บาทต่อเดือน จะได้สิทธิ์ใช้งาน 120 ครั้ง
ระบบนี้จะเริ่มจากการวางแผนการค้นหา, เข้าเว็บไซต์, เลือกอ่านเฉพาะเนื้อหาที่สำคัญ และสรุปผลเป็นรายงานที่มีข้อมูล สถิติ และแหล่งอ้างอิงครบถ้วน

โดยความสามารถของ Deep Research ยังรวมถึงการเข้าใจว่าเนื้อหาใดเชื่อถือได้หรือควรละเว้น ถึงแม้ยังมีข้อจำกัดในเรื่องการแยกข่าวลือกับข้อมูลจริง และยังต้องปรับปรุงเรื่องการแสดงความไม่มั่นใจในข้อมูล แต่ผู้ใช้งานระดับผู้บริหารบางรายเผยว่า แม้ Deep Research จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็สามารถประหยัดเวลาได้มาก เช่น การทำงานระดับปานกลางที่ใช้เวลา 40 ชั่วโมง กลับใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงในการตรวจทานผลงานของ AI
ผลลัพธ์จากผู้ใช้งานจริง
หนึ่งในผู้ใช้งานอย่าง แพทริก คอลลิสัน (Patrick Collison) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Stripe ถึงกับโพสต์ว่า “วันนี้ Deep Research เขียนรายงานให้แล้ว 6 ฉบับ ถือว่ายอดเยี่ยมมาก”
ขณะที่ ดีน บอลล์ (Dean Ball) นักวิจัยด้านนโยบาย AI ในวอชิงตัน ดี.ซี. ก็ยกให้เครื่องมือนี้เป็น AI ที่ทำให้ชุมชนผู้กำหนดนโยบายเริ่มรู้สึกถึงศักยภาพของ AGI หรือปัญญาประดิษฐ์ทั่วไปมากขึ้น
OpenAI ยังมีแผนพัฒนาให้ Deep Research กลายเป็นผู้ช่วยทำงานแบบครบวงจร ตั้งแต่เขียนรายงาน, สร้างพรีเซนเทชัน, จนถึงทำงานวิเคราะห์ระดับปริญญาเอก และอาจมีการเปิดขายในราคาสูงถึง 20,000 เหรียญต่อเดือน หรือประมาณ 660,000 บาท ซึ่งชี้ให้เห็นว่า AI สายวิจัยนี้ไม่ได้มาแทนเฉพาะแชตบอต แต่พร้อมจะรุกเข้าสู่พื้นที่ของงานระดับผู้เชี่ยวชาญ