Bloomberg รายงานว่า ลูกค้าในสหรัฐฯ กำลัง “ตื่นตระหนก” และเร่งซื้อ iPhone รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ของ Apple หลังมีกระแสข่าวเรื่องการปรับขึ้นราคาที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายภาษีนำเข้าใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump)
พนักงาน Apple Store หลายรายเผยกับ Bloomberg ว่า ช่วงวันที่ 5-6 เมษายนที่ผ่านมา ลูกค้าจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาซื้อสินค้าคล้ายกับบรรยากาศในช่วงเทศกาลลดราคา แม้ทาง Apple จะยังไม่มีคำชี้แจงหรือแนวทางตอบคำถามให้กับพนักงานหน้าร้านโดยตรง เพราะลูกค้า “เกือบทุกราย” ต่างสอบถามถึงประเด็นการขึ้นราคา iPhone เพราะหลายสื่อต่างคาดการณ์ว่า ภาษีใหม่ทรัมป์อาจส่งผลให้ iPhone จะถูกปรับขึ้นภาษี 30-40% เนื่องจากส่วนใหญ่ยังคงผลิตในจีน ซึ่งถูกเรียกเก็บภาษีกว่า 54%
แอดลองทำชาร์ตเปรียบเทียบยกตัวอย่างมาไว้ให้แล้ว จากราคา iPhone 16 เมื่อถูกปรับราคาขึ้นขั้นต่ำ 30% จะขึ้นไปเท่าไหร่
ถ้า iPhone ถูกปรับขึ้นภาษี 30% จะเป็นเท่าไหร่ ?
- iPhone 16 ราคาปัจจุบัน 41,900 บาท ราคาเมื่อถูกเพิ่มขึ้น 30% = 54,470 บาท
- iPhone 16 Plus ราคาปัจจุบัน 46,900 บาท ราคาเมื่อถูกเพิ่มขึ้น 30% = 60,970 บาท
- iPhone 16 Pro ราคาปัจจุบัน 59,900 บาท ราคาเมื่อถูกเพิ่มขึ้น 30% = 77,870 บาท
- iPhone 16 Pro Max ราคาปัจจุบัน 64,900 บาท ราคาเมื่อถูกเพิ่มขึ้น 30% = 84,370 บาท
ด้านความจุที่แอดลิสต์มาอย่างรุ่นเริ่มต้นอย่าง iPhone 16 และ iPhone 16 Plus ก็จะเป็นความจุสูงสุดเลยคือ 512 GB ส่วน iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ก็จะเป็นความจุสูงสุดเช่นกันคือ 1 TB ค่ะ
ด้าน The Times of India รายงานว่า Apple ได้เริ่มสำรองสินค้าไว้ล่วงหน้า โดยมีการส่ง iPhone และอุปกรณ์อื่น ๆ จำนวนมากจากอินเดียมายังสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2025 รวมถึงนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นด้วย แม้จะอยู่ในช่วงฤดูที่ยอดขายมักชะลอตัว
ขณะเดียวกัน The Wall Street Journal เผยว่า Apple วางแผนพึ่งพาการนำเข้า iPhone จากอินเดียมากขึ้น เนื่องจากภาษีนำเข้าจากอินเดีย (26%) ยังต่ำกว่าจากจีน (54%) ซึ่งช่วยบรรเทาภาระต้นทุนได้ในระดับหนึ่ง โดยมีการคาดการณ์ว่า iPhone ที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ อาจมีถึง 50% ที่มาจากโรงงานในอินเดีย
จนถึงขณะนี้ Apple ยังไม่มีแถลงการณ์ใด ๆ ต่อสถานการณ์ดังกล่าว ขณะที่มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน 2025 นี้