เอกสารประจำปีที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ของบริษัท Amazon ได้เปิดเผยข้อมูลรายได้รวมของซีอีโอ แอนดี แจสซี (Andy Jassy) ในปี 2024 สูงถึง 40.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1,340 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 37% จาก 29.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (978 ล้านบาท) ของปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นบริษัท ซึ่งมีผลทำให้มูลค่าหุ้นที่เขาถือครองในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ปี 2024 แจสซีมีหุ้นถือครองจำนวน 211,000 หุ้น ซึ่งปีที่ผ่านมามูลค่าหุ้นของ Amazon ได้พุ่งสูงกว่า 40% จึงมีผลฉุดให้มูลค่าหุ้นที่เขาถือครองเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วเป็น 38.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1,290 ล้านบาท) ทั้ง ๆ ที่ปี 2023 เขามีหุ้นถือครองอยู่มากกว่าที่ 225,340 หุ้น แต่มูลค่าหุ้นอยู่ที่ 27.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (931 ล้านบาท)

ในเอกสารระบุว่าแจสซีมีรายได้จากอื่น ๆ อีก ได้แก่ เงินเดือนพื้นฐานที่ไม่เปลี่ยนแปลง 365,000 เหรียญสหรัฐฯ (12,228,960 บาท), เงินสมทบเกษียณอายุ 6,900 เหรียญสหรัฐฯ (231,177 บาท), ค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้บริหาร 1,200,000 เหรียญสหรัฐฯ (40,204,800 บาท) เพิ่มจากปี 2023 ที่จ่ายอยู่ 986,164 เหรียญสหรัฐฯ (33,040,438 บาท), ค่าธรรมเนียม HSR ที่บริษัทต้องจ่ายในการซื้อหุ้น ลงทุน หรือการควบรวมกิจการ 105,000 เหรียญสหรัฐฯ (3,517,920 บาท)

เมื่อตอนที่แจสซีเข้ารับตำแหน่งซีอีโอคนที่ 2 ของ Amazon ในปี 2021 เขาได้รับหุ้นมูลค่า 212 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (7,048 ล้านบาท) แต่ไม่ได้รับหุ้นทั้งหมดในทันที โดยบริษัทจะทยอยแบ่งให้ทีละส่วนไปจนครบในปี 2031 ซึ่งสังเกตว่าหุ้นที่เขาครอบครองในปี 2024 น้อยกว่าปี 2023 จึงไม่น่าขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท และน่าจะออกแบบการแบ่งหุ้นลดลงในแต่ละปี เพื่อให้เขาทำงานเพิ่มมูลค่าหุ้นในระยะยาว สรุปง่าย ๆ ว่าปีหลัง ๆ แม้จะได้หุ้นน้อย แต่ถ้าบริษัทเติบโตและหุ้นราคาพุ่ง มูลค่าหุ้นของเขาก็จะสูงตามไปด้วย

ตามเอกสารพบว่าปี 2024 แจสซีไม่ได้รับหุ้นใหม่จากบริษัทเลย นับตั้งแต่ที่ได้รับหุ้นเมื่อปี 2021 สังเกตว่าปี 2024 แจสซีถือครองหุ้นอยู่ 211,000 หุ้น มาจากหุ้นที่ได้รับจากปี 2021 รวมกับหุ้นที่ได้รับจากการเป็นซีอีโอ AWS และอาจจะเป็นหุ้นที่ซื้อเองหรือจากรางวัลเก่า ซึ่งสันนิษฐานว่าบริษัทไม่ได้ให้หุ้นใหม่เพื่อต้องการจูงใจให้เขาอยู่สร้างผลงานไปจนถึงปี 2031

นอกจากนี้มีการเปรียบเทียบอัตราส่วนเงินเดือนของซีอีโอแจสซีกับพนักงานอยู่ที่ 43:1 สูงกว่าปีก่อนหน้าที่ 37:1 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้บริหาร และค่าธรรมเนียมที่บริษัทต้องจ่ายในการซื้อหุ้น ลงทุน หรือการควบรวมกิจการ

คุณอาจจะคิดว่ารายได้ของแจสซีในปี 2024 นั้นสูงมาก แต่อยากให้ลองเปรียบเทียบกับซีอีโอบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่อื่น ๆ ดูกันบ้าง ได้แก่ สัตยา นาเดลลา (Satya Nadella) ซีอีโอของ Microsoft ได้รับรายได้ 51.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1,720 ล้านบาท) ซึ่งยังไม่รวมมูลค่าหุ้น, ดั๊ก แม็กมิลลอน (Doug McMillon) ซีอีโอของ Walmart ได้รับ 34.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1,157 ล้านบาท) และอีกคน ซุนดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) ซีอีโอของ Alphabet (Google) ได้รับ 164.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (5,444 ล้านบาท)