บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ได้รับประโยชน์จากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในด้านเทคโนโลยี AI และการใช้งานในสมาร์ตโฟน โดยรายได้ AI และ 5G มีการเติบโต 7% จากไตรมาสก่อนและคิดเป็น 59% ของรายได้รวม

นอกจากนี้ การผลิตชิปที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง 7 นาโนเมตรและต่ำกว่ามีส่วนแบ่งในรายได้รวมของการผลิตแผ่นเวเฟอร์ถึง 73%.

ทำให้บริษัท TSMC ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นรายได้รวมในไตรมาสมีจำนวน 840,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 924,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปีก่อน

และกำไรสุทธิอยู่ที่ 361,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ประมาณ 400,000 ล้านบาท ที่สูงขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยแสดงถึงการเติบโตอันเกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยี AI และการประยุกต์ใช้งาน 5G ในชีวิตประจำวันที่เพิ่มสูงขึ้น.

อีกทั้ง TSMC ยังคงคาดการณ์การเติบโตของรายได้ในปี 2025 ที่ประมาณ 20% เนื่องจากการพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง และบริษัทได้ลงทุนในโรงงานในต่างประเทศเพื่อกระจายห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการลงทุนมูลค่า 100,000 ล้านเหรียญ (3.4 ล้านล้านบาท) รวมถึงการผลิตชิปให้กับ AMD และ Nvidia ที่โรงงานในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐฯ

แม้จะมีการเติบโตในด้านเทคโนโลยีและความต้องการ AI แต่ TSMC ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้เพิ่มภาษีการค้าและข้อจำกัดในการส่งออกให้กับลูกค้าของ TSMC อย่าง Nvidia และ AMD ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจในอนาคต