กระแสความนิยมของ GenAI ได้เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2022 ที่นำขบวนโดย ChatGPT ของ OpenAI จนหลายคนมองว่าทำไม Google จึงมาช้ากว่า ทั้งที่ภาพรวมในวงการเอไอต่างรับรู้กันมาก่อนหน้านี้ว่า Google เป็นโลโก้ของวงการเอไอ ดังนั้น Google จึงต้องพยายามก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านเอไอให้ได้ ซึ่งล่าสุด จูเลียน เคลลี (Julian Kelly) ผู้อำนวยการด้านฮาร์ดแวร์ของ Google Quantum AI ได้เผยหนทางที่เป็นไปได้ว่า อนาคตจะมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกและนำมาผนวกกับเอไอ
Google เปิดตัว Bard ในเดือนมีนาคม 2023 ช้ากว่า ChatGPT ถึง 4 เดือน แถมถูกวิจารณ์ยับว่าออกมาหลังไม่พอ ประสิทธิภาพทั้งความแม่นยำและการสนทนายังดูด้อยกว่าอีกด้วย ซึ่ง Google ถูกมองว่ามีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูลมากจนเกินไป จึงปล่อย GenAI ออกมาช้ากว่า OpenAI ซึ่งก่อนหน้านี้คนในวงการไอทีต่างรู้กันดีว่า Google เป็นผู้บุกเบิกด้านเอไอมาตั้งแต่ Machine learning และ Deep learning ผ่าน Google Research และ Google Brain แล้วต่อมาผนวกรวมกับ Google DeepMind หลังจากซื้อ DeepMind บริษัทเอไอของอังกฤษเมื่อปี 2014
Google DeepMind ได้พัฒนาเอไอ AlphaGo ที่เอาชนะแชมป์โลกโกะในปี 2016 และพัฒนา AlphaFold ที่ช่วยในการศึกษาโครงสร้างโปรตีนได้อย่างแม่นยำ และช่วยแก้ปัญหาทางชีววิทยาที่เกิดขึ้นมานาน จนได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี 2024 นอกจากนี้ Google ได้พัฒนา TensorFlow เฟรมเวิร์กโอเพนซอร์สสำหรับนักพัฒนาใช้ในงาน Machine Learning อีกทั้งมีการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่มาก่อน ChatGPT เช่น BERT, T5 และ LaMDA ซึ่งถูกนำไปใช้ใน Google Search, Google Translate หรือ Google Assistant แต่ไม่ได้นำมารวมกันสร้างเป็น GenAI อย่าง ChatGPT ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้มากกว่า
ทั้งนี้ Google เป็นผู้สร้างสถาปัตยกรรมโครงข่ายประสาทเทียม Transformers มาแทนที่ CNN และ RNN ซึ่งเป็นรากฐานของโมเดล LaMDA รวมถึงโมเดลภาษาสมัยใหม่และหนึ่งในนั้นก็คือ ChatGPT สรุปง่าย ๆ ว่า Google เป็นผู้บุกเบิกโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเอไออย่างแท้จริง
ส่วนในด้านคอมพิวเตอร์ควอนตัม เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา Google ได้เปิดตัว Willow ชิปควอนตัม 105 คิวบิต ที่มีความผิดพลาดน้อยที่สุดในรอบ 30 ปี และสามารถทำการคำนวณได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ซึ่งหากเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่แรงที่สุดจะต้องใช้เวลาถึง 10 ล้านล้านล้านล้านปี
เคลลีเผยว่า Willow อาจจะช่วยสนับสนุนให้ Google ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเทคโนโลยีในยุคต่อไป ซึ่งอาจเปลี่ยนจากการโดดเด่นในด้านการวิจัยมาเป็นโอกาสทางธุรกิจการค้า โดยจะเข้ามาเติมเต็มปัญหาการขาดแคลนข้อมูลคุณภาพสูงสำหรับการเทรนเอไอ เพราะโมเดลเอไอในปัจจุบันต่างดูดข้อมูลมหาศาลจากอินเทอร์เน็ตมาใช้กันเกือบหมดแล้ว การดูดข้อมูลใหม่มักมีคุณภาพต่ำหรือซ้ำของเดิม รวมทั้งกำลังถูกโดนฟ้องลิขสิทธิ์และละเมิดข้อมูลส่วนตัว ซึ่งการพัฒนาโมเดลเอไอต้องการข้อมูลคุณภาพสูงจำนวนมหาศาล ดังนั้นสามารถนำคอมพิวเตอร์ควอนตัมมาช่วยสร้างข้อมูลใหม่ที่มีคุณภาพสูงได้
เคลลีได้ยกตัวอย่างโมเดลเอไอ AlphaFold ที่เบื้องหลังได้รับการเทรนด้วยชุดข้อมูลที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม ซึ่งคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถสร้างข้อมูลที่นำไปใช้ฝึกเอไอได้ เพื่อให้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของกลศาสตร์ควอนตัมเพิ่มเติมเล็กน้อย นอกจากนี้ Google มีเวลาอีกประมาณ 5 ปีในการพัฒนาแอปฯ ที่ล้ำหน้ากว่าใครและใช้งานได้จริง รวมทั้งต้องเปลี่ยนจากความก้าวหน้าให้กลายเป็นธุรกิจด้วย