ในที่สุด vivo ได้จัดอีเวนต์ใหญ่ที่ประเทศจีน เพื่อเปิดตัว X200 Ultra ซึ่งเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่มีจุดเด่นด้านการถ่ายภาพระดับโปร พร้อมชิปประมวลผลสัญญาณภาพ หรือ ISP (Image Signal Processor) ใหม่ และชิปเซตเรือธง Qualcomm Snapdragon 8 Elite
vivo X200 Ultra เป็นสมาร์ตโฟนระดับเรือธงในซีรีส์ X200 โดยใช้ศักยภาพจากชิปเซต Snapdragon 8 Elite ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 4.32 GHz ซึ่งทำงานร่วมกับแรม LPDDR5X ความเร็วสูง ความจุ 12 – 16 GB และสตอเรจ UFS 4.1 ความเร็วสูงสุด ความจุ 256 GB, 512 GB และ 1 TB
ด้านหน้าตัวเครื่องได้รับการติดตั้งแผงหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.82 นิ้ว เทคโนโลยี LTPO (Low-Temperature Polycrystalline Oxid) ซึ่งสามารถปรับรีเฟรชเรตให้เหมาะสมกับการทำงานได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่ 1 – 120 Hz พร้อมความละเอียด QHD+, แสดงค่าสีระดับ 10 บิต และมีความสว่างสูงสุด 4,500 Nits

vivo X200 Ultra ได้รับการติดตั้งปุ่ม V ที่ขอบด้านขวาของตัวเครื่อง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสำหรับใช้งานเป็นปุ่มชัตเตอร์อย่างยิ่ง และผู้ใช้สามารถปรับแต่งให้ใช้งานด้านอื่น ๆ ได้ตามความต้องการ
ด้านหลังตัวเครื่องนั้น ได้รับการติดตั้งกล้องประสิทธิภาพสูง จำนวน 3 ตัว ดังนี้
- กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, เซนเซอร์ Sony LYT-818 ขนาดใหญ่ 1/1.28 นิ้ว, รูรับแสง f/1.7
- กล้องซูม ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล, เซนเซอร์ Samsung ISOCELL HP9 ขนาด 1/1.4 นิ้ว, ความยาวโฟกัสเทียบเท่าระยะ 85 มม.
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, เซนเซอร์ Sony LYT-818

กล้องทุกตัวข้างต้นรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที และบันทึกวิดีโอแบบ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
vivo X200 Ultra ยังได้รับการติดตั้งชิปประมวลผลสัญญาณภาพ VS1 และ V3+ ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกัน ดังนี้
- VS1 ทำหน้าที่ประมวลผลในขั้นตอนแรก (Pre-Processing) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Exposure และโฟกัสของภาพ พร้อมดำเนินกระบวนการรวมภาพ (Image Stacking) แล้วจึงส่งข้อมูลไปให้ชิป V3+
- VS3+ จะดำเนินการประมวลผลอย่างซับซ้อนมากขึ้นในขั้นตอนสุดท้าย เช่น การลด Noise หรือปรับความคมของภาพ เป็นต้น

นอกจากนี้ vivo ได้เปิดตัวเลนส์ Zeiss เสริมการซูมระยะไกล โดยจะครอบทับเลนส์กล้องซูม (Telephoto) เพื่อเพิ่มระยะการซูมขึ้นอีก 2.35 เท่า ทำให้มีความยาวโฟกัสเพิ่มขึ้นเทียบเท่าระยะ 200 มม. ซึ่งรองรับการทำงานร่วมกับ X200 Ultra เวอร์ชัน 16 GB + 1 TB เท่านั้น
vivo ยังได้เปิดตัวชุดถ่ายภาพพิเศษ หรือ Photography Set ซึ่งประกอบด้วยเลนส์หลายตัว, สายคล้อง, เคสที่สามารถติดกับพอร์ต USB-C เพื่อเป็นกริปช่วยในการถ่ายภาพ และแบตเตอรี่แยก ความจุ 2,300 mAh

นอกเหนือจากระบบการถ่ายภาพที่น่าประทับใจแล้วนั้น vivo X200 Ultra ได้รับการติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ OriginOS เวอร์ชันล่าสุดที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของระบบ Android 15 และแบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh ที่รองรับการชาร์จไฟเร็ว 90 W และชาร์จไฟไร้สาย 40 W
vivo X200 Ultra มาพร้อมตัวเครื่องสีดำและสีแดง รวมถึงสีขาวที่ได้รับการออกแบบให้คล้ายกับกระเป๋าเดินทางของแบรนด์ RIMOWA โดยมีราคาดังนี้
- 12 GB + 256 GB : 6,499 หยวน หรือประมาณ 29,600 บาท
- 16 GB + 512 GB : 6,999 หยวน หรือประมาณ 31,900 บาท
- 16 GB + 1 TB รองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายดาวเทียม : 7,999 หยวน หรือประมาณ 36,500 บาท


สำหรับ vivo X200 Ultra เวอร์ชัน 16 GB + 1 TB พร้อมชุด Photography Set แบบจัดเต็มนั้น มีราคาอยู่ที่ 9,699 หยวน หรือประมาณ 44,200 บาท
