สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า Apple ประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของทีมพัฒนา AI หลังผลงานของ Siri และโปรเจกต์ AI อื่น ๆ ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Alexa จาก Amazon และ Google Assistant ได้

ก่อนหน้านี้ Apple ได้ดึงตัว จอห์น เจียนนันเดรีย (John Giannandrea) ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงจาก Google เข้ามาในปี 2018 เพื่อรวมศูนย์การพัฒนา AI ของบริษัทไว้ในทีมเดียว และดูแลการพัฒนา Siri โดยเฉพาะ แต่หลังผ่านมา 6 ปี กลับพบว่าผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ทัน รวมถึงผลิตภัณฑ์ Apple Intelligence ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วก็ถูกเลื่อนหลายฟีเจอร์ที่สัญญาไว้ ส่งผลให้บริษัทต้องกลับไปใช้รูปแบบการบริหารแบบเดิมอีกครั้ง

ทำให้ Apple จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ ด้วยการย้ายโปรเจกต์ Siri ไปอยู่ภายใต้การดูแลของ ไมค์ ร็อกเวลล์ (Mike Rockwell) หัวหน้าทีม Vision Pro ซึ่งขึ้นตรงกับ เครก เฟเดริกิ (Craig Federighi) รองประธานอาวุโสฝ่ายซอฟต์แวร์โดยตรง ขณะที่ทีมด้านหุ่นยนต์ (Robotics) ที่เคยอยู่ภายใต้เจียนนันเดรียก็ถูกย้ายไปอยู่ในฝ่ายฮาร์ดแวร์ ภายใต้การนำของ จอห์น เทอร์นัส (John Ternus) หัวหน้าทีมฮาร์ดแวร์ของบริษัทแทน

จนเกิดกระแสข่าวลือว่าบริษัทอาจกำลังเตรียมแผนรองรับหากเจียนนันเดรียตัดสินใจลาออกในอนาคตอันใกล้ สะท้อนถึงแรงกดดันภายในที่ Apple กำลังเผชิญ เนื่องจากไม่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ออกสู่ตลาดได้รวดเร็วเพียงพอในยุคที่เทคโนโลยีมีการแข่งขันสูงมาก

ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้ถือเป็นการยอมรับภายในบริษัทของ Apple ว่าตัวเองตกขบวนเทคโนโลยี AI ไปไกล จึงต้องปรับยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญเพื่อเร่งเครื่องให้กลับมาทัดเทียมกับคู่แข่งให้ได้โดยเร็วที่สุด

ขณะเดียวกันก็ต้องจับตามองการเปลี่ยนแปลงในระดับผู้นำของบริษัท ซึ่งอาจจะมีผลต่อทิศทางการดำเนินงานด้าน AI และนวัตกรรมในระยะยาวอีกด้วย

สำหรับผู้ใช้และนักลงทุน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า Apple ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาดังกล่าว และพร้อมที่จะกลับมาแข่งขันอย่างจริงจังในตลาด AI ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของอนาคตโลกเทคโนโลยีในยุคนี้