เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2017 ที่ผ่านมา นางเอมี่ ฮูด ซีเอฟโอ (CFO – Chief Financial Officer : ผู้บริหารสูงสุดทางด้านการเงิน) ของ Microsoft ได้กล่าวภายในการแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 (ตุลาคม – ธันวาคม 2016) ประจำปีงบประมาณ 2017 ของบริษัทว่า ธุรกิจการขายสิทธิการใช้ซอฟต์แวร์ Windows แก่ผู้ผลิตพีซีเติบโตขึ้น 5% โดยบริษัทพันธมิตรเริ่มมองเห็นการเติบโตของอุปกรณ์ Windows ระดับพรีเมียม
อุปกรณ์ Windows ระดับพรีเมียมคือ คอมพิวเตอร์ที่มีราคามากกว่า 900 เหรียญขึ้นไป ซึ่งเป็นตลาดที่ Apple ครอบครองมาอย่างยาวนานด้วย iMac และ MacBook ที่มาพร้อมกับราคาที่แพงมาก แต่ก็มอบประสบการณ์การทำงานที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน และทำให้บริษัทพันธมิตรของ Microsoft พุ่งเป้าไปที่ตลาดคอมพิวเตอร์ราคาถูกไปจนถึงราคาระดับกลางแทน โดยเน้นไปที่การเพิ่มปริมาณการขายให้มากขึ้น
แต่เมื่อ Microsoft ได้เปิดตัว Surface Book เมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา มันก็กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ MacBook Pro และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า อุปกรณ์/คอมพิวเตอร์ Windows ระดับไฮเอนด์ยังสามารถไปต่อได้
ด้วยความที่อุปกรณ์ VR อย่าง Oculus Rift ของ Facebook มีการเติบโตที่ช้าอันเนื่องมากจากต้องใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตที่มีประสิทธิภาพสูง ก็ทำให้ความต้องการคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต Windows ระดับไฮเอนด์เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ซึ่งผู้ผลิตอย่าง Dell, Asus, Lenovo และ HP ต่างก็เร่งการผลิตคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนั้น การเปิดตัว Surface Studio ของ Microsoft ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 2,999 เหรียญ เพื่อแข่งกับ iMac ของ Apple นั้น ก็มียอดจำหน่ายที่น่าพึงพอใจมากทีเดียว
และผู้ใช้บางกลุ่มที่ผิดหวังกับ MacBook Pro รุ่นล่าสุด ก็หันไปซื้อ Surface ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวที่ผ่านมามากขึ้นอีกด้วย
นับจากนี้ คงต้องจับตาดูทิศทางของ Microsoft ในการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดคอมพิวเตอร์ระดับไฮเอนด์แข่งกับ Apple ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ข้อมูลอ้างอิง : businessinsider