งานนี้ต้องบอกว่าเป็นประเด็นร้อนที่คนทั่วโลกให้ความสนใจจริงๆ หลังจากที่ Donald Trump ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม รวมทั้งผู้ลี้ภัยจากทุกสัญชาติเดินทางเข้าสหรัฐฯ ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดนั้นเหตุการณ์บานปลายต่อไปถึงกลุ่มคนขับแท็กซี่ในนิวยอร์กที่ออกมาประท้วงมาตรการดังกล่าวด้วยการหยุดรับส่งผู้โดยสารจากสนามบิน JFK ระหว่างเวลา 18.00-19.00 น. เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านการตัดสินใจของ Trump
https://twitter.com/NativeApprops/status/825810219104075776?ref_src=twsrc%5Etfw
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเปิดเผยว่า คนขับ Uber ยังให้บริการในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ตามปกติ ซึ่งทำให้กลุ่มคนขับแท็กซี่ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประเทศมุสสิมที่ถูกแบนนั้นเกิดความไม่พอใจอย่างมาก และนั่นก็ทำให้ลูกค้าที่ใช้บริการ Uber บางส่วนเองไม่พอใจกลุ่มคนขับ Uber ที่มีท่าทีเมินเฉยต่อมาตรการดังกล่าว และนั่นทำให้พวกเขามองว่า Uber เจตนาฉกฉวยผลประโยชน์แทนที่จะออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มผู้อพยพ จนเป็นเหตุให้เกิดปรากฏการณ์ลูกค้า Uber แห่ทวีตข้อความต่อต้านและติดแฮชแท็ก #DeleteUber จนติดอันดับเทรนด์บน Twitter ไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ทางด้านของนาย Travis Kalanick ซีอีโอของ Uber ล่าสุดก็ออกมาลดแรงกดดันลงไปเมื่อได้ประกาศที่จะตั้งเงินกองทุน 3 ล้านดอลลาร์ ในการให้ความช่วยเหลือกับบรรดาคนขับแท็กซี่ที่ได้ผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวของ Trump แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ก็ถูกตั้งข้อสังเกตจากความสัมพันธ์ของเขาที่เป็นหนึ่งในผู้บริหารแวดวงไอทีที่อยู่ในกลุ่มที่ปรึกษาด้านธุรกิจของ Donald Trump เช่นเดียวกับ Elon Mask ของ Tesla และ Ginni Rometty จาก IBM