หนึ่งในกิจกรรมที่ตัวแทนสื่อมวลชนจากประเทศไทยได้รับจากทีมงานของแอร์เอเซีย สำนักงานใหญ่ในเมืองเซปัง ประเทศมาเลเซียนั่นก็คือ การพาทัวร์ส่วนของออฟฟิศสำนักงาน และศูนย์นวัตกรรม หรือ Innovation Lab วึ่งอยู่ภายในอาคารสำนักงานใหญ่แห่งนี้ จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง พร้อมทัวร์ไปด้วยกันเลย!
RedQ Headquarter
ทีมงานของแอร์เอเซียได้เล่าให้ทีมงานแบไต๋ฟังว่า อาคารสำนักงานแห่งนี้ เพิ่งสร้างใหม่และเริ่มการใช้งานมาแล้วระยะหนึ่ง แต่ที่เห็นทั้งหมดนี้ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ จะใช้งานได้อย่างเต็มที่ทุกจุดก็ช่วงประมาณเดือนมิถุนายน ปีนี้ อาคารแห่งนี้สูง 6 ชั้น ประกอบไปด้วยโซนล็อบบี้ ชั้นจอดรถ และส่วนของออฟฟิศ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งถือเป็นสวัสดิการที่พนักงานแอร์เอเซียทุกคน ที่ทำงานที่นี่ ได้รับจากบริษัท
ชั้นที่ทีมงานพาทัวร์นี้ คือชั้นที่ 6 ของอาคารสำนักงานใหญ่ RedQ ประกอบไปด้วยโต๊ะทำงานหลากหลายแผนก แบ่งโซนกันอย่างชัดเจน ส่วนตรงกลางที่มีมอนิเตอร์พร้อมระบบวิเคราะห์และประมวลผลนี้ คือหน้าจอที่เอาไว้มอนิเตอร์โซเชียลมีเดีย ที่ทางแอร์เอเชียได้ใช้งาน ทั้งทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม
ถัดออกไป จะเจอส่วนของ Innovation Lab หรือห้องแล็บที่เอาไว้คิดค้น และปรับปรุง ทั้งบริการ และอุปกรณ์การใช้งาน รวมถึงเป็นห้องรีแล็กซ์ และระดมความคิดไปด้วยในตัว ซึ่งเราจะย้อนกลับมาให้ชมในช่วงท้ายของ Article นี้
ถัดมาจาก Innovation Lab ก็ยังเป็นส่วนของโต๊ะทำงานของพนักงานที่นี่ จุดเด่นคือมาการติดตั้งกระดานไวท์บอร์ด และกระดานแม่เหล็ก เพื่อให้พนักงานสามารถจดบันทึก หรือจะแปะโน้ต หรือรูปภาพ ก็ทำได้ตามสะดวก บางช่วงจะเจอกับ Canteen เล็กๆ อำนวยความสะดวกให้กับพนักงาน อยากอุ่นอาหารหรือชงกาแฟก็เดินมาได้
ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน จะเป็นห้องประชุมที่ออกแบบคล้ายๆ กับ Sky Box ในสนามฟุตบอล จุดเด่นของห้องประชุมแบบ Sky Box นี้ คือการตกแต่งภายใน โดยนำเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศที่แอร์เอเชียทำเส้นทางการเดินทาง มาตกแต่ง รวมถึงนำชื่อของเมืองหลวงในแต่ละประเทศที่ให้บริการ มาตั้งเป็นชื่อของห้องประชุมอีกด้วย
หากเดินไปสุดโถงทางเดิน แล้วเลี้ยวเลาะอีกสักหน่อย คุณก็จะเจอกับฟิตเนส หรือห้องออกกำลังกายนั่นเอง ที่นี่มีเครื่องออกกำลังกายครบทุกรูปแบบ แถมวิวที่นี่ก็ดีอีกต่างหาก ออกกำลังกายไป ดูเครื่องบินทำการขึ้น – ลงไปด้วยเลย
เดินออกมา ฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นส่วนของคลินิค ฟังไม่ผิดครับ คลินิคจริงๆ!
ทุกทีเราจะคุ้นนเคยกับตู้ยา หรือไม่ก็ห้องปฐมพยาบาลกันตามออฟฟิสหลายต่อหลายที่ แต่ที่นี่เป็นห้องคลินิค พร้อมแพทย์ที่คอยให้การรักษา จะปวดหัว เป็นไข้ ปวดเมื่อยหรือบาดเจ็บ ก็แวะมารับการรักษาที่นี่ได้ แต่ถ้าอาการหนักมาก ก็จะส่งไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้เคียง ทีมงานลองสอบถามกับพนักงานที่ทำงานในนี้ ถึงระยะทางจากตัวสำนักงาน ไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงที่สุด พนักงานตอบกลับมาว่า “1 ชั่วโมง” ซึ่งก็ถือว่าเป็นการวางแผนที่ดีสำหรับสำนักงานแห่งนี้
ทีมงานพามาหยุดที่หน้าประตูนี้ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงมืดทึบขนาดนี้ เก็บงำความลับอะไรหรือเปล่า…?
ห้องนี้ถูกเรียกว่า “Board Room” เป็นห้องที่ใช้ประชุมและวางแผนการต่างๆ ซึ่งผู้ที่เป็นผู้บริหารสามารถเข้าห้องแห่งนี้ได้เท่านั้น และเป็นการป้องกันไม่ให้ความลับ หรือข้อมูลบางอย่างรั่วไหล หรือคนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง สามารถรับรู้ได้ ซึ่งจริงๆ ทีมงานแบไต๋ไม่อยากจะเรียกว่า Board Room หรือกนะ อยากเรียกว่า “War Room” ซะมากกว่า (ฮา!)
Innovation Lab
และแล้วก็วกกลับมาที่ Innovation Lab ตามที่สัญญากันไว้ ห้องแล็บแห่งนี้มีการติดตั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัยหลายต่อหลายอย่าง รวมถึง Prototype และผลิตภัณฑ์ที่มีการทำออกมาบ้างแล้ว อย่างเก้าอี้ผู้โดยสารที่เห็นอยู่นี้ คือรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ที่ทางแอร์เอเชียได้ใช้งาน
ฝั่งขวามือ คือที่ใช้งานในไฟลต์ที่เป็นแอร์เอเชีย ส่วนซ้ายมือ จะใช้งานบนไฟลต์ของแอร์เอเชีย เอ็กซ์ และแน่นอน มีความพิเศษบางอย่างที่อยากนำเสนอ อย่างแรกเลยก็คือ ในแต่ละที่ทั่ง ส่วนของพนักพิง จะมีช่องเสียบ USB พร้อมจ่ายไฟ สามารถชาร์จอุปกรณ์ที่คุณต้องการได้ จะเป็นสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ก็ตามสะดวก
ส่วนของด้านหลังเบาะ มีความแตกต่างกังถึงสอบรูปแบบ คือ มีแท่นวางสมาร์ทโฟน สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ในการรับชมสื่อบันเทิง ระหว่างที่ทำการบิน และอีกแบบ คือหน้าจอ In-Flight Entertainment ซึ่งใช้แท็บเล็ตมาติดตั้งและทำให้เป็นระบบสื่อบันเทิงบนเครื่องบิน ซึ่งทั้งสอบแบบที่ได้เห็นไปนี้ ยังเป็น Prototype อยู่ และพร้อมใช้งานจริง ในช่วงเดือนกันยายนของปีนี้
ถัดมา จะเป็นส่วนของการพัฒนาคอนเทนท์ในการนำเสนอภาพลักษณ์ของแอร์เอเชีย โดยผู้พัฒนาได้เลือกใช้ระบบ Virtual Reality ร่วมกับทางกูเกิล ทำคอนเทนท์จำลองภาพภายในเครื่องบินโดยสารของทางแอร์เอเชีย ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งบนหน้าเว็บไซต์ และในแบบ VR เสมือนจริง บนสมาร์ทโฟน (ซึ่งใช้ร่วมกับแว่น VR หรือแว่นแบบ Cardboard อย่างที่เห็นในภาพนี้ก็ได้)
นอกเหนือจากเรื่องของคอนเทนท์ เรื่องของ Package Design ก็เป็นอีกเรื่องที่แอร์เอเชียนั้นคิดค้นด้วย ด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้กับแบรนด์อาหารในเครือ ซึ่งบรรจุภัณฑ์ที่เห็นทั้งหมดนี้ มีการใช้งานจริงแล้วบนเครื่องบินทุกลำที่ทำการบิน ยังไงก็ลองสะกิด Cabin Crew เพื่อสั่งอาหาร และดูแพ็คเกจดีไซน์ด้วยละกันนะ
ที่เห็นเป็นตู้ๆ ตรงนี้ เป็นส่วนของก่อนทำการบิน ตู้ที่เห็นนี้ คือตู้ที่มีไว้ออก Luggage Tag หรือแท็กติดกระเป๋าเดินทาง สำหรับกระเป๋าที่ต้องโหลดเข้าใต้ท้องเครื่องบิน ซึ่งระบบจะอ่านบาร์โค้ดที่อยู่บน Boarding Pass แล้วพิมพ์แท็กออกมา
ส่วนสองตู้ที่ตั้งอยู่คู่กันนี้ คือตู้ Self Check-In พร้อมออก Boarding Pass ให้กับผู้โดยสาร ซึ่งมีข้อดีตรงที่สามารถใช้งานได้ด้วยตนเอง ลดความยุ่งยากและระยะเวลาในการเข้าคิวหน้าเคาท์เตอร์เช็คอินในสนามบิน แต่สังเกตดีๆ ตู้ทางด้านซ้ายมือมีความต่างจากตู้สีแดง ที่เห็นจนชินตา
ตู้ที่เห็นนี้ ออกแบบและใช้วัสดุจากกระดาษอัดลัง หรือ Cardboard นั่นเอง มีความหนาเป็นพิเศษ และแข็งแรงอีกด้วย เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการผลิตตู้แบบ Kiosk และที่สำคัญ มีการใช้งานจริงแล้วที่สนามบินในประเทศญี่ปุ่น และมีแพลนที่จะติดตั้งเพิ่มเติม ในสนามบินที่อยู่ในเส้นทางที่ทำการบิน
ด้านนี้ก็ไม่มีอะไรมาก PlayStation 4 พร้อมต่อจอขนาดใหญ่ ให้เหล่าพนักงานสามารถมานั่งเล่นและพักผ่อนคลายเครียดได้ (หรือไม่ก็อาจจะทำให้ใครบางคน ‘หัวร้อน’ ก็เป็นได้…)
ปิดท้ายด้วยจอยักษ์ขนาดยาวที่อยู่ด้านหน้า Innovation Lab
จอภาพตรงนี้ มีการติดตั้งระบบอินเทอรืเน็ต และระบบการนำเสนอผลงานบนหน้าจอ รวมถึงระบบ Video Conference สามารถจัดห้องนี้เป็นห้องประชุมทางไกลขนาดย่อมได้เลย รวมถึงยังเป็นจอที่เอาไว้มอนิเตอร์การเข้าใช้งานเว็บไซต์ และโซเชีลยอื่นๆ ของแอร์เอเชียได้อีกด้วย
ต้องบอกก่อนเลยว่าสำนักงานแห่งนี้ ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้สอบในทุกๆ รูปแบบ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จะเรียกว่าเป็นออฟฟิศในฝันของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะ พนักงานของแอร์เอเชียยังแง้มไอเดียอีกว่า ส่วนของดาดฟ้า เล็งว่าจะสร้างเป็น Sport Club รวมถึงพื้นที่ใช้สอยบางส่วนจะมีซาลอนมาให้บริการด้วย ยิ่งครบวงจรเข้าไปอีก!
และต้องบอกกอีกว่า โอกาสในการได้ทัวร์ หรือเข้าถึงส่วนสำนักงานแบบเจาะลึกทุกซอกทุกมุมแบบนี้ หาโอกาสได้น้อยมากจริงๆ ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวในต่างประเทศ ก็ลองเข้าไปยังสถานที่แบบนี้ บางที่ บางสำนักงานก็มีการเปิดให้เข้าชมฟรีด้วยนะ ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเราได้ในอีกรูปแบบหนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
ถ้าคุณเดินทางมาที่มาเลเซีย แล้วเจอหน้าจอตู้เอทีเอ็มในลักษณะนี้…
อย่าเพิ่งตกใจว่ามันขึ้น Blue Screen of Death จนใช้งานไม่ได้นะครับ หน้าจอที่ปรากฎนี้ คือการขึ้นคำโฆษณา รวมไปถึงการแจ้งประกาศต่างๆ ของทางธนาคาร ไม่ใช่เครื่องแฮ้งค์จนใช้งานไม่ได้เลยแม้แต่ตู้เดียว (แต่ก้ควรเปลี่ยนสีพื้นหลังหน่อยนะ มาที่มาเลเซียครั้งแรกยังแอบเหวอเลย…)