3 เหตุผล ที่ HomePod ยัง “ด้อย” กว่าลำโพง Google Home และ Amazon Echo

Table of Content

Apple ได้เปิดตัวลำโพง HomePod ภายในงาน WWDC 2017  ซึ่งเป็นลำโพงอัจฉริยะที่จะมาแข่งกับ Amazon Echo และ Google Home โดยมีฟังก์ชันทำงานร่วมกับ Siri และเทคโนโลยีด้านเสียงอันยอดเยี่ยม แต่ยังมีรายละเอียดบางประการที่อาจทำให้ด้อยกว่าคู่แข่งอยู่

1. ยังใช้ “Hey, Siri” เพื่อเริ่มฟังก์ชันการทำงานอยู่

มันเป็นรายละเอียดเล็กน้อยที่อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้ใช้อยู่บ้าง ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ Amazon Echo สามารถพูดคำว่า Alexa และต่อด้วยคำสั่งต่างๆได้เลย ซึ่งให้ความเป็นธรรมชาติ และคล้ายกับการพูดคุยกับบุคคลมากกว่า ต่างจาก HomePod ที่ยังต้องพูดคำว่า Hey, Siri เพื่อเริ่มการทำงาน ซึ่งยังคงออกมาในแนวการสื่อสารกับ AI แบบเดิมอยู่

2. ราคาสูง

HomePod ได้รับการเปิดตัวด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงกกว่าคู่แข่งอยู่เหมือนกัน คือ

  • Amazon Echo Dot: 50 เหรียญ
  • Amazon Tap: 130 เหรียญ
  • Google Home: 130 เหรียญ
  • Amazon Echo: 180 เหรียญ
  • Amazon Echo Look: 200 เหรียญ
  • Sonos Play 1: 200 เหรียญ
  • Amazon Echo Show: 230 เหรียญ
  • Sonos Play 3: 300 เหรียญ
  • Apple HomePod: 350 เหรียญ
  • Sonos Play 5: 500 เหรียญ

จริงๆ แล้ว ลำโพงอัจฉริยะของหลายบริษัทต่างก็มีฟังก์ชันการเล่นเพลงหรือสั่งการด้วยเสียงพื้นฐานอยู่แล้ว ซึ่งเทคโนโลยีอาจไม่ล้ำหน้าและเสียงอาจไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับ HomePod (มีผู้เข้าร่วมงาน WWDC 2017 ได้ทดสอบเสียงของ HomePod มาแล้ว บอกว่า ยอดเยี่ยมมากจริงๆ) และด้วยราคาที่ถูกกว่าก็อาจดึงดูดความน่าสนใจจากผู้ใช้ได้ดีกว่าด้วยเช่นกัน

3. ดีไซน์ยังไม่โดน

ในส่วนนี้เป็นประเด็นมาก เพราะ HomePod มีดีไซน์ที่ดูราบเรียบตามสไตล์ของ Apple แต่ในฐานะที่มันเป็นลำโพงซึ่งเน้นการฟังเพลงร่วมกับ Apple Music แล้วล่ะก็ มันยังไม่น่าประทับใจสักเท่าไร

ผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้หลายชิ้นในอดีตของ Apple ก็มียอดขายไม่สู้ดีนัก เพราะผู้ใช้บางกลุ่มยังมองไปถึงงานดีไซน์ที่ควรจะดูแล้วสมราคา มากกว่าเรื่องของเทคโนโยี หรือการฟังเพลงด้วย

ข้อมูลอ้างอิง : businessinsider

เติบโตขึ้นในยุคป๊อปคัลเจอร์ ทำให้หลงใหลการชมภาพยนตร์ และเล่นเกมพีซีเป็นชีวิตจิตใจ ส่งผลให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ชื่นชอบเรื่องราวด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม รักของสะสมยุค 90s กลายเป็นสาวก Apple และติด Netflix มากๆ