Wall Street Journal รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากอดีตพนักงาน Apple รายหนึ่ง ที่ออกมาเปิดเผยสาเหตุที่ระบบผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง Siri จึงถูกระบบผู้ช่วยในแพลตฟอร์มอื่นทั้ง Amazon Alexa หรือ Google Assistant พัฒนาจนแซงหน้าไป ทั้งที่ Siri เปิดตัวใช้งานก่อน เนื่องมาจากว่า Apple นั้นมีฐานข้อมูลที่จะนำมาประมวลผลคาดเดาความต้องการจากคำพูดของผู้ใช้น้อยกว่า ขณะที่ระบบผู้ช่วยส่วนตัวเจ้าอื่น ๆ นั้นพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถทำความเข้าใจกับข้อมูลในเชิงลึกของผู้ใช้ได้มากกว่านั่นเอง โดยผลการทดสอบก่อนหน้านี้ Google Assistant ก็ประมวลผลจากคำถามได้แม่นยำกว่า Siri แล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ อดีตพนักงาน Apple คนดังกล่าวยังเปิดเผยว่า มีความเห็นไม่ลงรอยกันระหว่างทีมวิศวกรและหัวหน้าทีมที่ดูแล Siri อย่าง Bill Stasior ซึ่งคัดค้านการเข้าถึง Siri ผ่านแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยนักพัฒนาภายนอก (third-party) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวโปรแกรมถูกจำกัดการใช้งานไปอย่างน่าเสียดาย เช่น การสั่งการให้เล่นเพลงผ่านแอปฯ Spotify หรือ จองโต๊ะอาหารผ่านแอปฯ OpenTable ขณะที่ทั้ง Alexa และ Google Assistant กลับสามารถใช้งานได้อย่างอิสระ
ด้วยเหตุการเมืองในแผนกดังกล่าวทำให้ Adam Cheyer และ Dag Kittlaus ซึ่งอยู่ในทีมพัฒนา Siri ตัดสินใจลาออกไปตั้งบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Viv Labs โดยหลังจากนั้นถูก Samsung ซื้อไปพัฒนาเป็น Bixby รวมทั้งทีมงานคนอื่น ๆ ที่กระจายกันไปอยู่กับ Google และ Amazon แทน และตอนนี้น่าสนใจมากว่า Siri จะปรับตัวอย่างไร เนื่องจาก Google Assistant เองก็เปิดให้ใช้งานบน iPhone ได้แล้ว เช่นเดียวกับ Alexa ที่ทาง Amazon เตรียมดึงมาใช้บนสมาร์ทโฟนเร็ว ๆ นี้