New York Times ได้จัด 5 อันดับบริษัทเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตมากที่สุด โดยมี Apple, Google, Microsoft, Facebook และที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้คือ Amazon
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ Amazon ได้เข้าซื้อกิจกรรบริษัทต่างๆ โดยล่าสุดได้เข้าซื้อกิจการ Whole Foods หนึ่งในเครือข่ายร้านค้าปลีกรายที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ Amazon คือ 1.37 หมื่นล้านเหรียญ โดยหมายจะขยายเข้าสู่ธุรกิจร้านค้าของชำร่วมกับ Amazon Fresh บริการส่งอาหารสดถึงบ้าน และร้านสะดวกซื้อในอนาคตที่จะไม่มีแคชเชียร์
นั่นแสดงให้เห็นว่า Amazon กำลังดำเนินธุรกิจลงลึกเข้าไปในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนมากกว่าบริษัทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบ Cloud Computing : มี Amazon Web Service ที่เป็นขุมพลังหลักให้กับแอปและเว็บไซต์ที่ใช้อยู่มากมายในทุกวันนี้
- ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial intelligence) มี Alexa ผู้ช่วยดิจิทัลอัจฉริยะสั่งการด้วยเสียง เป็นหมุดหมายสำคัญที่ช่วยผลักดันให้มีการนำไปใช้ในอุปกรณ์มากมาย
- โลจิสติก : มี Amazon Prime Air ซึ่งใช้โดรนและเครื่องบินของ Amazon เองในการส่งสินค้าต่างๆ ซึ่งในอนาคต Amazon อาจไม่ต้องพึ่งพา UPS, FedEX หรือบริการไปรษณีย์อีกเลยก็ได้
- ความบันทิง : ได้มีการลงทุนสร้างเนื้อหาทางโทรทัศน์ด้วยมูลค่าหลายล้านเหรียญ อีกทั้งยังมีบริการสตรีมเพลงออนไลน์ และซื้อเพลงและภาพยนตร์ในรูปแบบดิจิทัล
- อาหาร : ซื้อกิจการ Whole Foods และมีบริการส่งอาหารสด Amazon Fresh
- สุขภาพ : จากรายงานของ CNBC ระบุว่า Amazon มีแนวคิดที่จะรุกเข้าตลาดธุรกิจยา
- การขายปลีกและ E-Commerce : เป็นธุรกิจที่ Amazon ได้ดำเนินมาอย่างยาวนาน จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
นอกจากนี้ Jeff Bezos ซีอีโอของ Amazon ยังมีการลงทุนด้วยตนเอง ซึ่งอาจช่วยขยายตลาดของ Amazon ให้กว้างไกลขึ้น ไมว่าจะเป็น
- สื่อข่าว : Jeff Bezos เป็นเจ้าของ The Washington Post
- อวกาศ : Jeff Bezos เป็นเจ้าของบริษัท Blue Origin ซึ่งสร้างจรวดอวกาศในราคาที่ถูกลง
ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดคำถามว่า เครือขายบริษัทเพียงแห่งเดียวอย่าง Amazon จะสามารถควบคุมอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้คนทั่วไปได้หรือไม่
ข้อมูลอ้างอิง : businessinsider