IHS Markit บริษัทวิจัยชื่อดังได้ออกมาเปิดเผยกับสำนักข่าว Bloomberg ระบุว่าราคาต้นทุนของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus นั้นสูงกว่า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus นั่นเป็นสาเหตุสำคัญง่าย ๆ ที่เป็นคำตอบว่าทำไมราคาของไอโฟนในปีนี้ถึงวางขายแพงขึ้นกว่าเดิม
สำหรับ iPhone 8 รุ่นเริ่มต้นความจุ 64GB นั้น ทาง IHS ประเมินราคาต้นทุนไว้ที่ราว 247 ดอลลาร์ต่อเครื่อง (ประมาณ 8,200 บาท) ซึ่งเพิ่มจากเดิม 10 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ iPhone 7 รุ่นเริ่มต้น 32 GB ที่มีต้นทุนอยู่ที่ 237.94 ดอลลาร์ต่อเครื่อง (7,900 บาท) ขณะที่ iPhone 8 Plus รุ่นเริ่มต้น 64 GB นั้นมีต้นทุนราว 288.08 ดอลลาร์ (9,600 บาท) เพิ่มขึ้นจาก ต้นทุนเดิมของ iPhone 7 Plus ซึ่งอยู่ที่ 270.88 ดอลลาร์ (9,000 บาท)
ขณะที่ราคาวางจำหน่ายของ iPhone 8 รุ่น 64 GB ในสหรัฐอเมริกานั้นอยู่ที่ 699 ดอลลาร์ สูงกว่า iPhone 7 รุ่น 32 GB ที่ขายเริ่มต้น 649 ดอลลาร์ ส่วนทางด้านของ iPhone 8 Plus ก็มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 799 ดอลลาร์ สูงกว่า iPhone 7 Plus ราคาเริ่มต้นที่ 769 ดอลลาร์
ทั้งนี้ Bloomberg ได้ระบุว่า ชิ้นส่วนที่ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบแพงนั้นหลัก ๆ คือ โมดูลของระบบชาร์จไร้สาย, ชิปประมวลผล A11 Bionic และหน่วยความจำที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งสำหรับการประเมินราคาต้นทุนวัสดุชิ้นส่วนของ IHS นั้นจะระบุเจาะจงไปเฉพาะต้นทุนของแต่ละชิ้นส่วนเท่านั้น ยังไม่ได้รวมกับต้นทุนอื่น ๆ อย่างการทำวิจัยและพัฒนา (R&D), การผลิตซอฟต์แวร์, ค่าโฆษณา และจัดจำหน่ายแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะไม่ใช่ตัวเลขต้นทุนที่ถูกต้องแม่นยำไปเสียทีเดียวครับ