Apple ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ของบริษัท (ต.ค.-ธ.ค. 2017) ว่าขาย iPhone ได้ 77.3 ล้านเครื่อง ซึ่งลดลงเล็กน้อยเมื่อเทีบไตรมาสที่ 1 ปี เมื่อปีก่อน (ต.ค.-ธ.ค. 2017) ที่ทำยอดขาย iPhone ได้เป็นประว้ติการณ์ถึง 78.3 ล้านเครื่อง โดยมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 8.83 หมื่นล้านเหรียญ และคิดเป็นกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 3.89 เหรียญ
สำหรับราคาเฉลี่ยต่อเครื่องนั้น เพิ่มสูงขึ้นเป็น 797 เหรียญ ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ว่าจะเป็น 755.78 เหรียญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นยอดจำหน่าย iPhone X ที่มีราคสูงเป็นประวัติการณ์ ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า Apple ได้ตัดการผลิต iPhone X ลง 50% เหลือเพียง 20 ล้านเครื่อง ในไตรมาสที่ 2 (ม.ค.-มี.ค. 2018)
ในส่วนของอื่นๆ อย่าง iPad ได้ทำรายได้สูงสุด 3 ไตรมาสติดต่อกัน, Apple Watch ก็สามารถจำหน่ายได้มากขึ้นอีก 50% รวมถึง Apple Pay, iCloud และ Apple Music ต่างก็ทำรายได้ได้ดีเช่นกัน
ทิม คุก ซีอีโอของ Apple ได้กล่าวว่า “iPhone X สามารถทำยอดจำหน่ายได้มากกว่าที่คาด และกลายเป็น iPhone ที่ขายดีที่สุดมาตลอดทุกสัปดาห์ นับตั้งแต่เริ่มจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมา อีกทั้งอุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน (Active Installed Base of Devices) ยังเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.3 พันล้านเครื่อง เมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นถึง 30% ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี ซึ่งเป็นการเครื่องพิสูจน์ความนิยมในผลิตภัณฑ์ของเรา และความพึงพอใจของผู้บริโภค ได้เป็นอย่างดี”
สำหรับในไตรมาสที่ 2 (ม.ค.-มี.ค. 2018) นี้ Apple ได้คาดการณ์ว่าจะสามารถจำหน่าย iPhone ได้ 6 – 6.2 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ที่ 6.59 หมื่นล้านเหรียญ
ข้อมูลอ้างอิง : phonearena