เอชเอ็มดี โกลบอล เจ้าของลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์โนเกียทั่วโลกแต่เพียงผู้เดียว ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ รุ่นใหม่เพิ่มอีก 4 รุ่น ได้แก่ Nokia 8 Sirocco, Nokia 7 Plus, New Nokia 6 (3 รุ่นนี้ใช้ Android One) และน้องสุดท้อง Nokia 1
ระบบปฎิบัติการเพียวแอนดรอยด์ที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยสูงและทันสมัยอยู่เสมอภายใต้ Android One
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ โนเกีย 3 รุ่นได้แก่ Nokia 8 Sirocco, Nokia 7 Plus และ New Nokia 6 ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Android One ซึ่งออกแบบโดย Google เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานซอฟต์แวร์คุณภาพสูงให้แก่ผู้ใช้ โดยสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น จะได้รับการอัปเดตให้ทันสมัยอยู่เสมอด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจาก Google ทำให้สมาร์ทโฟนของ โนเกีย ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง UI ปราศจากโปรแกรมอื่นๆ ที่ซุกซ่อนอยู่เพื่อคอยกัดกินการทำงานของแบตเตอรี่ หรือถ่วงเครื่องให้ทำงานช้าลง ทำให้คุณสามารถใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้น แอปพลิเคชั่นที่ติดตั้งมาพร้อมเครื่องก็มีจำนวนไม่มากเพื่อให้คุณมีพื้นที่สำหรับการใช้งานเพิ่มมากขึ้น
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมาพร้อมกับ Android Oreo™ เพื่อให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดต่าง ๆ ได้ทันที เช่น ฟีเจอร์ Picture-in-Picture สำหรับการทำงานแบบ Multitasking หรือ Android Instant Apps ที่จะช่วยค้นหาและเปิดแอปต่าง ๆ ให้คุณแบบไม่มีสะดุด รวมถึงอีโมจิใหม่ ๆ กว่า 60 รูปแบบและฟีเจอร์ที่จะช่วยให้การทำงานของแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่นการจำกัดการใช้แอปพลิเคชั่นพื้นหลัง เป็นต้น
Nokia 8 Sirocco ขุมพลังขนาดย่อมสำหรับแฟน ๆ
การออกแบบของ Nokia 8 ได้รับแรงบันดาลใจจากโทรศัพท์รุ่นก่อนของโนเกียซึ่งมาพร้อมกับสไตล์ที่เรียบหรูด้วยขนาดกะทัดรัด Nokia 8 Sirocco ประกอบด้วยเลนส์ Dual-Sight จาก ZEISS ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น และเครื่องเสียงที่ได้รับการปรับจูนเสียง อะคูสติก ด้วยระบบเสียงตามแบบฉบับของโนเกียทำให้ Nokia 8 Sirocco กลายเป็นขุมพลังขนาดพกพา ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงาม
ตัวเครื่องทำจากกระจกทรงโค้ง ห่อหุ้มกรอบสแตนเลสสตีล Nokia 8 Sirocco ได้รวมหน้าจอ pOLED 2K ทรงโค้งแบบขอบถึงขอบขนาด 5.5 นิ้วเข้ากับกรอบที่บางเพียง 2 มม. และส่วนโค้งบนตัวเครื่องเพื่อให้ได้ดีไซน์ที่มีขนาดกะทัดรัดที่สุด
กรอบสแตนเลสสตีลของ Nokia 8 Sirocco นั้นแข็งแรงกว่าอลูมิเนียมซีรีส์ 6000 ถึง 2.5 เท่า และเสริมความแข็งแรงด้วยกระจกแบบ 3D Corning® Gorilla® Glass ทำให้มั่นใจได้ว่าตัวเครื่องคงทนสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันแน่นอน น้ำหนักมีความสมดุลหรูหราให้สัมผัสที่กระชับถนัดมือด้วยด้วยการขัดเงากรอบสแตนเลสสตีลแบบ Dual Diamond-Polished
เซ็นเซอร์คู่ด้านหลังจาก ZEISS ที่ประกอบด้วยกล้องหลักมุมกว้างสำหรับการถ่ายรูปในที่แสงน้อยและเซ็นเซอร์รอง 13MP ที่มีระยะ Optical Zoom สูงสุด ที่ 2x และด้วยโหมด Pro Camera ก็ทำให้คุณสามารถปรับค่าต่าง ๆ ได้ตามที่ใจต้องการ ช่วยให้คุณสามารถเก็บภาพและเรื่องราวต่าง ๆ ได้ราวกับตากล้องมืออาชีพ
Nokia 8 Sirocco เริ่มจัดจำหน่ายในช่วงต้นเดือนเมษายน โดยราคาขายปลีกเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ €749 (ประมาณ 29,000 บาท)
Nokia 7 Plus สมาร์ทโฟนเรือธงสำหรับทุกคน
Nokia 7 Plus ถูกออกแบบมาเพื่อการสร้างคอนเทนต์โดยเฉพาะ มาพร้อมกับหน้าจอ แบตเตอรี่ ดีไซน์ และฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ครบครันสำหรับสมาร์ทโฟน ด้วยเทคโนโลยี Dual-Sight ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์คู่ด้านหลังจาก ZEISS ซึ่งประกอบด้วยกล้องหลักมุมกว้าง 12MP สำหรับการเก็บภาพที่คมชัดไม่มีที่ติแม้มีแสงน้อยหรือแสงมาก และยังมีเซ็นเซอร์รอง 13MP ที่มีระยะ Optical Zoom สูงสุดที่ 2x ก็จะช่วยให้คุณสามารถเก็บภาพในระยะต่าง ๆ ที่คุณต้องการได้อย่างไม่มีสะดุด
Nokia 7 Plus ใช้ชิป Qualcomm® Snapdragon™ 660 Mobile Platform ที่ช่วยยืดการใช้งานของแบตเตอรี่อีกด้วย แม้กระทั่งในยามที่คุณไลฟ์สดวีดีโอด้วยฟังก์ชั่น #Bothie แชร์เรื่องราวดีๆที่ไม่ได้มีแค่ด้านเดียวใน Facebook หรือ Youtube ก็มั่นใจได้ว่าคุณสามารถใช้งานแบตเตอรี่ความจุ 3800 mAh ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างแท้จริง โนเกียจึงกล้าเคลมว่า Nokia 7 Plus สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 2 วันติดต่อกันโดยไม่ต้องชาร์จแบตเพิ่มอีกด้วย
ด้านหลังของตัวเครื่องมีลักษณะโค้งมนสอดรับกับขอบจอบาง พร้อมหน้าจอขนาด 6 นิ้ว สัดส่วน 18:9 แบบ Full HD+ ก็ทำให้ Nokia 7 Plus เหมาะสำหรับการเรียกดูคอนเทนต์ต่าง ๆ รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดีย การเล่นเกมและตอบสนองความบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งสามารถทำได้เหมือนกับอุปกรณ์ที่มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว
Nokia 7 Plus มีให้เลือก 2 สีได้แก่ Black/Copper กับ White/Copper และจะเริ่มจัดจำหน่ายในช่วงต้นเดือนเมษายน โดยราคาขายปลีกเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ €399 (ประมาณ 15,500 บาท)
New Nokia 6 สมาร์ทโฟนรุ่นที่ได้รับรางวัลและการตอบรับที่ดีจากทั่วโลก
All New Nokia 6 ถูกพัฒนาขึ้นบนความสำเร็จของสมาร์ทโฟนรุ่นก่อนหน้า โดยครั้งนี้ได้นำเอาสมรรถนะในการทำงานที่ทรงพลังมากขึ้นกว่าเดิมมารวมเข้ากับฟีเจอร์ใหม่ ๆ นำเสนอผ่านตัวเครื่องที่ทนทานและกะทัดรัดยิ่งขึ้น นอกจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นกว่า 60% จากรุ่นก่อนหน้าแล้ว New Nokia 6 ยังได้รวมเอาเทคโนโลยี Dual-Sight เลนส์จาก ZEISS ระบบ USB-C fast charging สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ทำให้จับได้ถนัดมือยิ่งขึ้น ระบบเสียง Nokia spatial audio และประสบการณ์แบบแอนดรอยด์แท้ ๆ ที่ปลอดภัยและทันสมัยอยู่เสมอจาก Android Oreo™ มานำเสนอแก่ผู้ใช้
New Nokia 6 ใช้ดีไซน์แบบ Unibody ซึ่งทำจากอลูมิเนียมซีรีส์ 6000 ที่ผ่านกระบวนการชุบผิวและขัดเงากว่า 11 ชั่วโมง และด้วยหน้าจอแบบ 2.5D ที่ทำจาก Corning® Gorilla® Glass ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน ช่วยรักษาความงดงามของ New Nokia 6 เอาไว้ได้นานกว่าที่เคย และใช้ชิป Qualcomm® Snapdragon™ 630 Mobile Platform
All New Nokia 6 มี 3 สีได้แก่ Black/Copper, White/Iron และ Blue/Gold และยังมีสองรุ่นให้เลือกคือ 3GB RAM/32GB ROM วางจำหน่ายในช่วงต้นเดือนเมษายน หรือ 4GB RAM/64GB ROM วางจำหน่ายในภายหลัง New Nokia 6 เริ่มจัดจำหน่ายในช่วงต้นเดือนเมษายน โดยราคาขายปลีกเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ €279 (ประมาณ 10,800 บาท)
Nokia 1 ครบทุกประสบการณ์สมาร์ทโฟนจากโนเกีย
Nokia 1 คือสมาร์ทโฟนที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android Oreo (Go edition) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีแรมขนาด 1GB หรือต่ำกว่านั้นได้อย่างเต็มที่ โดย Nokia 1 ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างลื่นไหลและตอบสนองต่อผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว สามารถเข้าถึง Google Play™ Store ได้อย่างเต็มที่ ทำให้สามารถค้นหาแอปพลิเคชั่นโปรดของคุณได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น WhatsApp, Facebook และ Instagram หรือกระทั่งแอปพลิเคชั่น โมบายแบงกิ้ง ต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็แนะนำแอปพลิเคชั่นทั้งหลายที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างเต็มที่บน Android Oreo™ (Go edition) อีกด้วย
นอกจากนั้น Nokia 1 ยังมาพร้อมกับ “Nokia Smile” ที่เป็นเอกลักษณ์ของโทรศัพท์มือถือ โนเกีย ในรูปลักษณ์ใหม่ ซึ่งทำให้คุณสามารถเปลี่ยนโฉมสมาร์ทโฟนของคุณได้ด้วยเคส Xpress-on Cover สีสันสดใสที่มีให้เลือกจำนวนมาก เพียงคลิกปุ่มเปิดปิดไม่กี่วินาทีก็จะทำให้คุณสามารถสื่อสารสไตล์ส่วนตัวของคุณผ่านเคสเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย เคสเหล่านี้ถูกผลิตขึ้นด้วยกระบวนการที่มีความประณีตและใส่ใจไม่แพ้กันกับเคสที่ให้มาพร้อมกับสมาร์ทโฟนด้วยกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน ทำให้เคสสองสีซึ่งทำจากโพลีคาร์บอเนตเหล่านี้พร้อมที่จะช่วยป้องกันสมาร์ทโฟนของคุณจากแรงกระทบกระแทกต่าง ๆ ในแต่ละวันด้วยดีไซน์ที่มีความทนทานสูง
Nokia 1 เริ่มจัดจำหน่ายในช่วงต้นเดือนเมษายน มีให้เลือก 2 สีได้แก่ Warm Red และ Dark Blue สำหรับแฟน ๆ ทั่วโลกโดยราคาขายปลีกเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ $85 (ประมาณ 2,700 บาท) และจะมีเคส Xpress-on cover ซึ่งขายแยกกับสมาร์ทโฟนจะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ $ 7.99 (ประมาณ 250 บาท) ในสี Azure, Grey, Yellow and Pink.