ถือเป็นข่าวโด่งดังอย่างมากในสัปดาห์นี้กับเหตุการณ์สลดที่รถยนต์ไร้คนขับของ Uber เกิดอุบัติเหตุพุ่งเข้าชนกับผู้เคราะห์ร้ายรายหนึ่งในเมืองเทมพี รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา จนเสียชีวิต โดยล่าสุดทางตำรวจในเมืองแอริโซน่าก็ได้เผยฟุตเทจจากกล้องที่ติดอยู่ด้านหน้าและภายในตัวรถต่อสาธารณชน

***หมายเหตุ: คลิปดังกล่าวอาจมีภาพที่อาจทำให้ไม่สบายใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

ทั้งนี้ รถยนต์ไร้คนขับของ Uber นั้นพุ่งเข้าชน Elaine Herzberg หญิงผู้เคราะห์ร้ายวัย 49 ปี ที่กำลังข้ามถนน ก่อนที่เธอจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตเวลาต่อมา ซึ่งเธอถูกระบุว่าเป็นผู้เคราะห์ร้ายรายแรกที่ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ไร้คนขับ

จากคลิปดังกล่าวจะเห็นว่า หญิงสาวได้ปรากฏตัวขึ้นมาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่จะถูกชนอย่างจัง ขณะเดียวกันจากกล้องในตัวรถนั้นก็แสดงให้เห็นว่า คนขับที่นั่งมากับรถนั้นไม่ได้มองทางข้างหน้าก่อนจะเกิดเหตุ

สำหรับคดีดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเทมพี ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียดในเวลานี้โดยยังไม่มีการดำเนินคดีใดๆ ซึ่งเบื้องต้นนั้นมีการถกเถียงกันว่าระบุว่าอุบัติเหตุดังกล่าวอาจไม่ได้เป็นความผิดของรถยนต์ไร้คนขับจาก Uber เนื่องจากในคลิปนั้น หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายเอง ก็ไม่ได้ข้ามถนนในทางม้าลาย แต่ประเด็นเรื่องที่ว่าเหตุใดตัวรถไม่สามารถตรวจจับผู้คนที่ข้ามถนนได้ ก็ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเช่นกัน โดยรถไร้คนขับของ Uber นั้นมี กล้อง 7 ตัว, เซนเซอร์ LIDAR 1 ตัว และมี RADAR อยู่รอบคัน แต่ทำไมจึงไม่สามารถตรวจสอบวัตถุในที่มืดได้ดีกว่าสายตามนุษย์

เรื่องนี้ก็ถือเป็นอุปสรรคครั้งใหญ่ของการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับครับ ซึ่งก็สร้างปัญหาด้านความเชื่อมั่นได้พอสมควร แต่ในมุมกลับกันก็เป็นเหมือนเงื่อนไขให้บริษัทที่กำลังพัฒนารถยนต์ไร้คนขับต่างๆ ใส่ใจกับมาตรฐานการทดสอบมากขึ้น อย่างน้อยรถทดสอบก็ต้องไม่ใช้ความเร็วมากจนแก้ไขอะไรไม่ทันครับ

อ้างอิง