ปีนี้ Apple เปิดตัว iPhone รุ่น “S” เหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา (ไม่นับ iPhone 7 ซึ่งไม่มี s) สำหรับผู้ใช้งาน iPhone X เดิมอยู่แล้วอาจตั้งคำถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเปลี่ยนจาก iPhone X เป็น iPhone XS มาดูคำตอบช่วยตัดสินใจกันครับ

ดูเผินๆ แล้ว iPhone X และ iPhone XS นั้นแทบจะไม่แตกต่างกันเลย ฟีเจอร์เด่นๆ นั้นมีเหมือนกัน อย่าง 3D Touch, Face ID และ Wireless Charging แต่ถึงอย่างนั้น Face ID ของ iPhone XS มีความปลอดภัยและรวดเร็วกว่า รวมถึงระบบชาร์จไร้สายที่ชาร์จได้เร็วขึ้น

นอกจากข้างต้นแล้ว การใช้งานในชีวิตจริงก็ยังมีข้อแตกต่างอีก อย่าง การรองรับสองซิม สำหรับใครที่ต้องติดต่องานด้วยเบอร์รอง หรือเที่ยวต่างประเทศโดยไม่ต้องเปลี่ยนซิมไปมา เพราะซิมที่สองนั้นใช้ระบบ eSim ครับ (ยกเว้นรุ่นที่ขายในจีนจะเป็นแบบสองซิมจริงๆ)

นอกจากนี้ยังมี Apple A12 Bionic ซึ่ง Apple บอกว่ามันคือชิปเซ็ตที่ดีที่สุดของสมาร์ทโฟน เร็วขึ้นกว่า Apple A11 Bionic 15% และยังประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าด้วย แต่ในแง่การใช้งานจริงก็แทบไม่แตกต่างกันมากมายอยู่แล้ว

ในส่วนของกล้อง Apple ระบุว่า iPhone XS ในระบบกล้องใหม่ แฟลช True Tone แบบใหม่ การปรับรูรับแสงที่ดีขึ้น เร็วขึ้น ความละเอียดเดิมที่ 12 ล้านพิกเซลทั้งกล้องหลักและกล้องรอง แต่มีการปรับปรุงเพิ่มในส่วนของซอฟต์แวร์ที่สามารถปรับขนาดรูรับแสงได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเซลฟี่ ถ่ายภาพในที่มืดได้ดีขึ้น ภาพคมขึ้น และ Smart HDR

แต่นี่คือเหตุผลสำคัญที่น่าอัปเกรด

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี่คือสิ่งเปลี่ยนแปลงหลักๆ ที่เห็นได้ใน iPhone XS แต่อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้น่าอัปเกรดนั่นก็คือ iPhone XS Max หน้าจอใหญ่ขนาด 6.5 นิ้ว

iPhone XS Max มีขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2688×1242 พิกเซล ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นทำให้รองรับการแสดงผลแบบแนวนอนเหมือน iPhone รุ่น Plus รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น 90 นาทีเมื่อเทียบกับ iPhone X

กล่าวสรุป

สรุปแล้ว หากคุณเป็นผู้ใช้งาน iPhone X อยู่แล้วอาจจะยังไม่จำเป็นต้องอัปเกรดเป็น iPhone XS ก็ได้ เพราะไม่ได้แตกต่างมากขนาดสัมผัสได้ แต่ถ้าคุณต้องการจอใหญ่ iPhone XS Max คือคำตอบ และน่าอัปเกรดไปใช้งานด้วย

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด

  • หน้าจอใหญ่ขึ้น ขนาด 6.5 นิ้ว
  • กล้องดีที่ขึ้น
  • สีทอง
  • ความจุภายในเครื่อง 512GB
  • รองรับสองซิม

อ้างอิง