ในที่สุด Apple ก็ได้เปิดตัว iPad Pro (2018) อย่างเป็นทางการ ภายในงานอีเวนท์ ณ Brooklyn Academy of Music ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา โดยเน้นศักยภาพสูงสุดสำหรับการสร้างสรรค์งานในชีวิตประจำวันได้อย่างทรงพลัง และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ได้อย่างครอบคลุม

  • ปล. ในปัจจุบัน Apple สามารถจำหน่าย iPad ไปแล้วถึง 400 ล้านเครื่อง ซึ่งมากกว่าโน๊ตบุคแบรนด์อื่น ๆ อย่างชัดเจน โดยทาง Apple ได้คาดหวังจะทำให้ iPad เป็นอุปกรณ์สำหรับสร้างสรรค์งานได้อย่างสะดวกสบายมากกว่าโน๊ตบุคที่ใช้ในปัจจุบัน

ดีไซน์

iPad Pro (2018) ปรับมาใช้หน้าจอ Liquid Retina (เช่นเดียวกับ iPhone XR) โดยมีด้วยกัน 2 ขนาด คือ 11 นิ้ว (2388 x 1668 พิกเซล) และ 12.9 นิ้ว (2732 x 2048 พิกเซล) ซึ่งได้ปรับให้เป็นแบบจอเต็ม ขอบเครื่องมีความโค้งมนเล็กน้อย ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและโฉบเฉี่ยว อีกทั้งไม่มีส่วนเว้าด้านบนหน้าจอ และไม่มีปุ่มโฮม

หน้าจอที่มีความคมชัดนี้ สอดคล้องเป็นอย่างดีสำหรับกล้องหลังความละเอียด 12 เมกะพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/1.8 พร้อมฟีเจอร์ HDR อัจฉริยะ และกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล

แต่ถึงกระนั้น ก็ยังคงมีขอบสำหรับติดตั้งกล้องหน้า เพื่อใช้ฟีเจอร์ Face ID และตัวเครื่องยังได้รับการออกแบบให้เล็กลง 25% และบางลง 15% อีกด้วย

Face ID

สิ่งที่มาแทนปุ่มโฮมคือการติดตั้งกล้องสำหรับใช้งาน Face ID เพื่อปลดล็อคตัวเครื่อง และเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และมีความแม่นยำสูง โดยสามารถใช้ได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน และรองรับความปลอดภัยด้วยชิป T2 อีกด้วย

A12X Bionic

iPad Pro (2018) ได้ใช้ชิปเซ็ต A12X Bionic ซึ่งได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร โดยมีทรานซิสเตอร์มากถึง 1 หมื่นล้านตัว, หน่วยประมวลผล 8 คอร์ และหน่วยประมวลผลกราฟิก 7 คอร์

นั่นทำให้ iPad Pro (2018) มีการประมวลผลกราฟิกดีขึ้นอย่างชัดเจน และมีความเร็วมากกว่าอุปกรณ์พีซีพกพาทั่วไปถึง 92%

อีกทั้งยังมี Neural Engine ช่วยเสริมความฉลาดให้กับชิปเซ็ตอีกด้วย

AR (Augmented Reality)

เป็นอีกฟีเจอร์ที่ Apple ชูเป็นจุดเด่นในช่วง 2 – 3 ปีมานี้ และด้วยศักยภาพของชิปเซ็ต A12X Bionic ก็ทำให้ Apple มั่นใจว่า iPad Pro (2018) จะเป็นอุปกรณ์สำหรับ AR ที่ดีที่สุดในโลก

USB-C

iPad Pro (2018) ใช้การเชื่อมต่อ USB-C แทน Lighting เพื่อให้สะดวกในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น กล้องถ่ายภาพ และจอภายนอก (รวมถึงใช้สำหรับชาร์จสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย) ซึ่งแม้ว่าจะต้องซื้ออุปกรณ์เสริมใหม่ แต่ถ้าใครที่ใช้ Mac หรือสมาร์ทโฟน Android อยู่แล้ว ก็นำอุปกรณ์เสริมที่เป็น USB-C มาใช้ได้เลย

1 TB

ในส่วนความจุสูงสุดนั้นอยู่ที่ 1 TB ซึ่งสามารถรองรับการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ตามที่ผู้ใช้ต้องการ

Apple Pencil รุ่นที่ 2

เป็นอุปกรณ์เสริมที่รองรับการทำงานร่วมกับ iPad Pro (2018) ได้เป็นอย่างดี โดยได้รับการปรับปรุงฟีเจอร์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถออกแบบหรือเขียนงานได้อย่างคล่องมือ ทั้งการแตะ 2 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนฟีเจอร์การเขียน และมีแม่เหล็กติดที่ขอบเครื่องสำหรับชาร์จไร้สายได้

Smart Keyboard Folio

เป็นเคสพับที่ปรับเป็นแป้นพิมพ์ได้อย่างสวยงาม ใช้งานง่าย และตัวแป้นพิมพ์ได้รับการออกแบบให้มีความเรียบหรูตามสไตล์ของ Apple

แอพสุดโดดเด่น

NBA 2K (โชว์ศักยภาพกราฟิก)

ค่าย 2K ได้แสดงความภูมิใจในการนำเกมสุดโด่งดังในเครื่องคอนโซลอย่าง NBA 2K มาให้ได้เล่นในเวอร์ชันของ iPad Pro (2018) ได้ทีมงานเน้นย้ำว่า iPad Pro (2018) มีศักยภาพมากพอที่จะทำให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล และมีการประมวลผลกราฟิกในระดับเดียวกับเครื่องคอนโซลเลยทีเดียว

Photoshop (โชว์ศักยภาพการประมวลผล, กราฟิก และความสะดวกสบาย)

เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับ iPad Pro (2018) ซึ่งทาง Apple ได้ร่วมกับ Adobe ในการพัฒนาแอพ Photoshop สำหรับใช้งานบน iPad Pro (2018) ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไม่แพ้บนเครื่องพีซี, มีความสะดวกสบายมากกว่า และใช้ร่วมกับ Apple Pencil ได้อย่างลงตัวอีกด้วย

ราคา และกำหนดการวางจำหน่าย

iPad Pro (2018) มีราคาดังนี้

  • รุ่น 11 นิ้ว (64 GB, 256 GB, 512 GB, 1 TB) ราคาเริ่มต้นที่ 799 เหรียญสหรัฐ
  • รุ่น 12.9 นิ้ว (64 GB, 256 GB, 512 GB, 1 TB) ราคาเริ่มต้นที่ 999 เหรียญสหรัฐ

ทาง Apple ได้เปิดให้ทำการจองแล้ววันนี้ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2018 นี้ (ในต่างประเทศ)

สำหรับราคาในประเทศไทยนั้น ล่าสุดทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Apple ได้ประกาศแล้ว ดังนี้

  • รุ่น 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 28,900 บาท
  • รุ่น 12.9 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 35,900 บาท

สำหรับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ มีราคาดังนี้

  • Apple Pencil (รุ่นที่ 2) : 4,490 บาท
  • Smart Keyboard สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว : 6,490 บาท
  • Smart Keyboard สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว : 7,290 บาท

ในส่วนของกำหนดการวางจำหน่ายในประเทศไทยนั้น ทางเราจะอัพเดตข้อมูลให้ท่านได้ทราบต่อไป

Play video

ข้อมูลอ้างอิง : apple