หลังจากที่ Macbook Air รุ่นสุดท้ายออกเมื่อเดือนมิถุนายน 2017 ซึ่งแทบไม่ได้ปรับปรุงอะไรจากรุ่นที่ออกในปี 2015 เลย ในที่สุดแอปเปิ้ลก็เปิดตัว Macbook Air รุ่นใหม่แบบใหม่หมดจด เปลี่ยนดีไซน์ใหม่ ทำให้ Macbook Air กลับมาน่าใช้อีกครั้ง
จุดเด่นที่สุดของ Macbook Air รุ่นใหม่ (นับเป็นรุ่น Late 2018) คือเพิ่มความละเอียดหน้าจอให้กลายเป็นจอ Retina สักที โดยเป็นจอ 13.3 นิ้วความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล ซึ่งมีความหนาแน่นของพิกเซล 227 ppi ซึ่งใครที่เคยใช้ Macbook Air รุ่นเก่าน่าจะจำความหยาบของจอเดิมได้ ที่ไม่ต้องเพ่งดีๆ ก็มองเห็นเม็ดพิกเซลแล้ว แต่จอรุ่นใหม่ก็จะละเอียดขึ้น ให้ภาพที่สวยคมขึ้น
การออกแบบดีไซน์เครื่องก็น่าสนใจ Macbook Air รุ่นใหม่นี้มีน้ำหนักเพียง 1.25 กก. เครื่องกว้าง 30.41 ซม. และหนา 1.56 ซม.เทียบกับรุ่นเดิมที่หนัก 1.34 กก. กว้าง 33 ซม. และหนา 1.7 ซม. ก็ถือว่าเปลี่ยนไปเยอะในขณะที่ขนาดหน้าจอเท่าเดิม (ขนาดเล็กลงเพราะขอบเครื่องบางลง) นอกจากนี้วัสดุอลูมิเนียมของเครื่องก็ทำจากของรีไซเคิล 100% ด้วย ซึ่งถือเป็นโน้ตบุ๊กเครื่องแรกที่ทำแบบนี้ได้
ในส่วนของประสิทธิภาพเครื่อง ก็ใช้ Intel Core i5 แบบ Dual-Core ความเร็ว 1.6 GHz (Turbo Boost 3.6 GHz) ก็น่าจะแรงกว่าชิปตัวเดิมเยอะ โดยรุ่นพื้นฐานนั้นมาพร้อมแรม 8 GB และ SSD ความจุ 128 GB ซึ่งสามารถปรับแรมได้สูงสุด 16 GB และปรับหน่วยความจำในเครื่องสูงสุด 1.5 TB ได้
เมื่อ Macbook Air เปลี่ยนดีไซน์ ก็ต้องใช้เทคโนโลยีการดีไซน์เครื่องยุคใหม่ของแอปเปิ้ล คือเปลี่ยนคีย์บอร์ดมาใช้แบบปีกผีเสื้อรุ่นล่าสุด เปลี่ยน Trackpad ให้เป็นแบบ Force Touch (คือไม่มีการกดลึกเพื่อคลิกจริงๆ แต่ทุกอย่างเป็นการสั่นบอกเอาเหมือน Macbook รุ่นใหม่ๆ) นอกจากนี้ยังมี Touch ID และพอร์ต Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต (ที่หน้าตาเหมือน USB-C และใช้แทน USB-C ได้) เอาไว้เสียบทุกอย่างและใช้ชาร์จไฟด้วย แต่ยังมีช่องเสียบหูฟังอยู่นะ ไม่ได้ตัดไปไหน ส่วนลำโพงเครื่องก็ดังขึ้น 25% และให้เบสมากขึ้นด้วย
แบตเตอรี่นั้นสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 12 ชั่วโมงสำหรับการท่องเว็บ โดยมาพร้อมหัวชาร์จ USB-C ขนาด 30 วัตต์
ราคาของ Macbook Air รุ่นใหม่นั้นเริ่มต้นที่ 42,900 บาทสำหรับรุ่นความจุ 128 GB ซึ่งก็น่าสนใจสำหรับผู้ที่สนใจเครื่องแมคอยู่ครับ