เชื่อว่าพวกเราแบไต๋คงคงทราบข่าวเกี่ยวกับ “ภารกิจพิชิตอวกาศ” ของ Xiaomi ที่พึ่งจะเสร็จสิ้นภารกิจและกลับสู่พื้นโลกกันบ้างแล้ว และก็คงได้เห็นภาพถ่ายของโลกที่น่าทึ่งจากเจ้า Redmi Note 7 แล้วเช่นกัน (ดูภาพภารกิจในคลิปได้เลยนะ)
มาถึงตรงนี้หลายคนคงจะสงสัยว่าแล้วตอนนี้ Redmi Note 7 มันจะมีสภาพเป็นอย่างไรนะ?
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับพ่อแม่พี่น้อง เจ้า Redmi Note 7 เนี่ยยังคงสภาพดีอยู่ สภาพยอดเยี่ยมเหมือนตอนที่มันถูกส่งออกไปยังนอกโลก! แม้ว่ามันจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนและอุณหภูมิที่ติดลบก็ตาม
เที่ยวบินของ Redmi Note 7 ใช้เวลาการเดินทางทั้งหมด 2 ชั่วโมง 3 นาที เป็นระยะทาง 193 กิโลเมตร ซึ่งเดินทางกลับมาจากอวกาศแบบไร้รอยขีดข่วนซะด้วย และยังคงใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพสมกับเป็นสมาร์ทโฟนเทียบเท่ารุ่นเรือธงได้ดังเดิม
ทำไม Xiaomi ต้องเล่นใหญ่?
การส่ง Redmi Note 7 ขึ้นไปบนอวกาศครั้งนี้ไม่ได้มีเหตุผลพิเศษใดๆ เลย ทางบริษัทเค้าแค่อยากทำอะไรที่มันดูตื่นเต้นและพิสูจน์ศักยภาพความทนทานถึงขีดสุด ของมือถือรุ่นนี้แค่นั้น
แม้ว่าจะไม่มีเหตุผลพิเศษอะไรใดๆ อย่างน้อยการพิสูจน์ครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า Redmi Note 7 ไม่เพียงฝ่าด่านสภาพอากาศที่แปรปรวน และอุณหภูมิติดลบถึง -58 องศาเซลเซียส ในอวกาศเท่านั้น แต่ยังสามารถถ่ายภาพอวกาศออกมาได้อย่างงดงามความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล
10 ความจริงที่เรารู้เกี่ยวกับ “ภารกิจพิชิตอวกาศ” ครั้งนี้
- Redmi Note 7 จำนวน 5 เครื่อง ที่ถูกส่งขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศเป็นเครื่องทั่วไปที่เราวางจำหน่าย ไม่ได้มีการปรับแต่งหรือเสริมความทนทานใดๆ เพื่อภารกิจนี้ โดย 3 ใน 5 เครื่อง ที่ถูกส่งไปในอวกาศได้กลับลงมาได้ถูกนำมามอบให้กับ Mi Fans ชาวอังกฤษอีกด้วย
- บอลลูนตรวจอากาศที่บรรจุแก๊สฮีเลียม จำนวน 1 ลูกถูกนำมาใช้ในภารกิจครั้งนี้
- เครื่องโทรศัพท์ที่ใช้สำหรับถ่ายภาพถูกบรรจุไว้ในกล่องโฟม XPS ที่มีความหนาแน่นสูง ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับภารกิจครั้งนี้
- มีการใช้งานแอปพลิเคชัน intervalometer สำหรับตั้งเวลาถ่ายภาพ ควบคุมจากระยะไกลในการบันทึกภาพทุก 10 วินาที
- ภารกิจครั้งนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 3 นาที, ใช้เวลาในการลอยขึ้นไปผ่านชั้นบรรยากาศ 1 ชั่วโมง 27 นาที, หล่นลงสู่พื้นดินทั้งสิ้น 36 นาที, ระยะทางตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดภารกิจ 193 กิโลเมตร
- จุดที่มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ -58 องศาเซลเซียส
- บอลลูนสำรวจอากาศสามารถขึ้นไปในชั้นบรรยากาศสูงถึง 35,375 เมตร ก่อนที่บอลลูนจะแตกและดิ่งลงพื้นด้วยอุปกรณ์ร่มชูชีพที่ติดไปกับบอลลูน
- ภาพถ่ายโลกถูกถ่ายที่ชั้นความสูงประมาณ 35,100 เมตร ซึ่งมีสภาพอากาศ -55 องศาเซลเซียส
- ไม่มีการชาร์จแบตเตอรี่เครื่องโทรศัพท์ทั้งหมดตลอดระยะเวลาในการทำภารกิจ
- หลังจากจบภารกิจพบว่ามีแบตเตอรี่สำหรับใช้งานในเครื่องถึง 60% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอึดของแบตแม้จะถูกถ่ายรูปทุกๆ 10 วินาที ตามภารกิจพิชิตอวกาศ
Our Mi fan provides a simple solution to launch a phone into space.
RT if you have a better idea. #RedmiNote7 #SpaceMission pic.twitter.com/XC5x74xnvq— Xiaomi (@Xiaomi) May 7, 2019
ขอปิดท้ายภารกิจนี้ด้วยฟีเจอร์ของ Redmi Note ล่ะกันนะ
- กล้องหลังคู่ความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล ที่สุดของกล้องถ่ายภาพในสมาร์ทโฟนระดับเดียวกัน
- ประสิทธิภาพทรงพลัง ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 660
- คุณภาพเหนือระดับ ครอบด้วยกระจก Corning® Gorilla® Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- จอแสดงผล Dot Drop ขนาดใหญ่ 6.3 นิ้ว ให้หน้าจอที่สวยสะดุดตา ด้วยความละเอียดระดับ FHD+
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 4000mAh สามารถรับชมวีดิโอต่อเนื่องยาวนาน 13 ชั่วโมง และเล่นเกมส์ต่อเนื่องยาวนาน 7 ชั่วโมงอีกด้วย
อยากเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนพิชิตอวกาศ?
Redmi Note 7 มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ Space Black, Neptune Blue และ Nebula Red จำหน่ายใน Mi Authorized Store ทั่วประเทศ โดยรุ่น RAM 3GB/32GB วางจำหน่ายในราคา 4,999 บาท รุ่น RAM 4GB/64GB ราคา 6,599 บาท และรุ่น RAM 4GB/128GB ราคา 6,799 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เมื่อ Xiaomi ส่ง Redmi Note 7 ไปถ่ายภาพบรรยากาศในอวกาศ พร้อมดิ่งชนโลกโดยไม่ได้รับความเสียหาย!