เพราะทุกวันนี้ มวลมนุษยชาตินั้น ไม่สามารถขาด 1 ในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนได้อีกต่อไป สิ่งนั้นแม้จับต้องไม่ได้ แต่มันเปรียบเสมือน “เลือดเนื้อ” ที่คอยหล่อเลี้ยงให้โลกหมุนไปได้ เราเรียกมันว่า “อินเทอร์เน็ต”
จุดเริ่มต้นของ “อินเทอร์เน็ต”
อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) โดยเครือข่าย ARPANET (Advanced Research Projects Agency NETwork) ซึ่งเป็นเครือข่ายสำนักงานโครงการวิจัยชั้นสูงของกระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมริกา มีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อ และมีปฏิสัมพันธ์กันได้ และได้มีเว็บไซต์แรกของโลกเกิดขึ้นมา โดยมีชื่อดังนี้
http://info.cern.ch/hypertext/WWW/TheProject.html
ซึ่งเข้าไปแล้วเราก็จะเห็นเพียงข้อความชุดหนึ่ง พร้อม Hyperlink สำหรับการเข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น ส่วนด้านการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตครั้งแรกในประเทศไทย เกิดขึ้นในปี 1987 ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่นี้เอง และถ้าพูดถึงการพัฒนาทางด้านอินเทอร์เน็ตในยุคแรก แนวทางการพัฒนาเกาะติดผ่านระบบสาย จะเป็นไปได้มากกว่า ระบบไร้สายไปมาก โดยเริ่มตั้งแต่ยุค 1G เป็นยุคที่ยังไม่สามารถส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตก้าวข้ามผ่านอากาศไปถึงผู้ใช้ปลายทางได้
ยุค 1G
โดยมือถือยุค 1G ที่ถูกใช้งานครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1984 ก็คือ Motorola DynaTAC 8000X ซึ่งถือว่าเป็นมือถือเครื่องแรกของโลก แต่การติดต่อสื่อสารในยุคนั้นทำได้แค่เพียงการโทรออกและรับสายเท่านั้น
ยุค 2G
และในยุค 2G เริ่มต้นในปี 1991 เราจะเริ่มเห็นอะไรที่มากกว่าการโทรออก – รับสาย นั่นคือระบบ SMS ที่สามารถส่งข้อความเบื้องต้น 160 ตัวอักษรให้กับโทรศัพท์มือถือในยุคนั้น ก้าวข้ามผ่านเพจเจอร์ที่ต้องโทรแจ้งโอเปอเรเตอร์ในการส่งข้อความ และเริ่มเห็นการพัฒนาของมือถือที่นอกจากใช้แค่รับสาย โทรออกแล้ว ยังมีขนาดที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับยุค 1G ถ้าใครจำได้ Nokia 3310 นี่แหละคือมือถือที่ดังที่สุดในยุคนี้ “เกมเจ้างูน้อย” อ่ะ เคยเล่นไหม!
ยุค 3G
ยุคที่เป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์การเชื่อมต่อไร้สายนั่นคือยุคของ 3G โดยถูกพัฒนาด้านการส่งผ่าน “Data” ขึ้นจากยุค 2G โดยใช้เวลากว่า 15 ปีในการพัฒนาขึ้นมา เชื่อมต่อบนคลื่นความถี่ตั้งแต่ 400 MHz – 3GHz ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ในระดับ 384 Kbps – 2 Mbps ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น มีระบบ GPS หรือการนำทางเป็นครั้งแรก และที่สำคัญ เป็นยุคที่ศาสดาของศาสนา Apple ได้เปิดตัวมือถือแบบ “ไร้แป้น” ที่โด่งดังที่สุดในโลก “iPhone” นั่นเอง (แต่ไม่ใช่เครื่องแรกของโลกนะ)
ยุค 4G – 4.5G
ยุคปัจจุบันหรือยุคของอินเตอร์เน็ต 4G เป็นยุคที่เรียกได้ว่าเฟื่องฟูในด้านการเชื่อมต่อเป็นอย่างมาก ถูกตั้ง Standard ขึ้นในปี 2008 ใช้งานบนคลื่นความถี่ตั้งแต่ 700 MHz – 2600 MHz สามารถรับ – ส่งข้อมูลในระดับ 300 Mbps ซึ่งได้ถูกพัฒนาต่อเนื่องจนกลายเป็น LTE Advanced หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ 4.5G ที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายได้ที่ความเร็วสูงสุดที่ 1.2 Gbps สามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด หรือแม้แต่การรับชม video on demand ระดับ 4K ก็สามารถทำได้แบบสบาย ๆ
ยุค 5G
และล่าสุดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ถ้าใครติดตามแบไต๋อย่างต่อเนื่อง เราก็ได้เปิดเผยข้อมูลของอินเทอร์เน็ตในยุค 5G ซึ่งได้จากงาน HUAWEI MBB Forum 2017 ว่า มันคืออนาคตอันใกล้ของ 5G ที่เรากำลังก้าวไปถึง มีความสามารถต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกระจายสัญญาณได้สูงถึง 300 เมตร หรือสูงประมาณตึกใบหยกเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีค่าความหน่วงของการเชื่อมต่อที่ลดลงมาจนต่ำกว่า 20 มิลลิวินาที สามารถรับ – ส่งข้อมูลได้ที่ระดับ 20 Gbps โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมใช้งานจริง “ครั้งแรก” ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค TOKYO 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น และเริ่มมีการใช้งานจริงบ้างแล้วโดย BBC (แต่เหมือนกับจะยังไม่สมบูรณ์ 100% เท่าไรนัก ภาพงี้แตกเชียว)
ยุค 6G?
และข่าวล่าสุดจากผู้นำสหรัฐอเมริกา donald trump ที่ออกมาประกาศให้โลกรู้ว่า เรากำลังมี อินเทอร์เน็ต 6G เร็ว ๆ นี้ โดยประกาศบน Twitter ไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า
I want 5G, and even 6G, technology in the United States as soon as possible. It is far more powerful, faster, and smarter than the current standard. American companies must step up their efforts, or get left behind. There is no reason that we should be lagging behind on………
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) February 21, 2019
ซึ่งฟังดูแล้วแปลกที่อินเทอร์เน็ต 6G จะเข้ามามีบทบาทในเร็ว ๆ นี้ เพราะจากที่ผ่านมา ยุคของอินเทอร์เน็ตจะอยู่ไปอย่างน้อยอีก 10 ปี ก่อนที่จะมีการเริ่มพัฒนาเครือข่าย 6G และนำมาใช้งานอย่างจริงจัง และเรื่องนี้เริ่มเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาหลังจากที่ทรัมป์ ได้ประกาศศึก Tech War กับ Huawei จึงมีความเป็นไปได้ว่า สหรัฐฯ อยากหาทาง “ฉะ” กลับ Huawei เพราะเทคโนโลยี 5G ณ วันนี้ Huawei ถือเป็นผู้นำทางด้านนี้อย่างแท้จริง
แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุด Samsung ก็เปิดตัวเป็นบริษัทแรกที่ประกาศการลงทุนทางด้าน R&D ของ 6G อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว Research Center แห่งใหม่เพื่อการพัฒนาด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งใช้ทฤษฎีด้านโครงข่ายดาวเทียมในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่สามารถส่งได้รวดเร็วและมากกว่า 5G ไปอีกขั้น โดยได้รับความร่วมมือระหว่าง SK Telecom Ericsson และ Nokia ในการพัฒนา โครงข่ายทั้ง 5G และ 6G รวมไปถึงผู้ให้บริการเครือข่ายในจีน China Mobile และ Tsinghua University ได้ประกาศร่วมมือกันทดสอบอินเทอร์เน็ตและระบบอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟนแบบใหม่, AI รวมไปถึงเทคโนโลยี 6G ด้วย แต่ทุกอย่างยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเท่านั้น
และยังมีข้อมูลที่น่าสนใจจากกลุ่มนักวิจัยของ Jacobs University Bremen ซึ่งได้ศึกษาเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคต่อไปคือ ยุค 6G ซึ่งพบว่า จะเป็นการพัฒนาการสื่อสารเพื่อนำมาแก้ไขข้อบกพร่องของเทคโนโลยี 5G ในเรื่องทางกายภาพของคลื่น ทำให้มันสามารถทะลุทะลวงได้แบบไร้ขีดจำกัด พร้อมแก้ไขปัญหาทางด้านเทคโนโลยี AI เพราะเมื่อระบบ AI ทำงานไปได้สักพัก ก็จะเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นจะมีระบบการสั่งการด้วยการเรียงลำดับความเป็นไปได้ เพื่อใช้ในการตัดสินใจของข้อมูล ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก มากยิ่งกว่าที่มนุษย์ใช้งานอยู่ในยุคปัจจุบันอย่างเทียบกันไม่ได้
สรุป
พอมาฟังดูแล้ว อินเทอร์เน็ต 6G นั้นก็ยังดูเป็นเพียงคอนเซปต์ที่สำหรับโลกอนาคตที่กำลังถูกพัฒนาอยู่ เพราะขนาด Wikipedia ยังไม่มีคำอธิบายเรื่อง 6G เลย แต่จากกระแสต่าง ๆ ที่ทยอยเปิดตัวมาก็ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็นอินเทอร์เน็ต 6G ในเวลาอันใกล้ก่อนปีคนเหล็ก 2029 ที่มี Skynet ก็เป็นได้