แม้ว่าจะเจอกับพิษสงครามการค้าและมาตรการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐฯ แต่สถานการณ์ของ Huawei ในภาพรวมก็ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการที่บริษัทยังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดขึ้นเรื่อย ๆ นั้นส่งผลกระทบกับผู้ผลิตชิปรายใหญ่อย่าง Qualcomm ด้วยเช่นกัน

Steve Mollenkopf ซีอีโอ Qualcomm ได้ให้สัมภาษณ์กับ Reuter ระบุว่าการที่ Huawei มี market share โตขึ้นต่อเนื่อง หมายถึงเป็นการกินส่วนแบ่งการตลาดจากแบรนด์มือถือที่เป็นลูกค้าของ Qualcomm ด้วยไม่ว่าจะเป็น Xiaomi, Oppo และ Vivo ทำให้ผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าที่คาดไว้ จนราคาหุ้นบริษัทดิ่งลง 6% ซึ่งหากสมาร์ตโฟนของ Huawei ยิ่งขายได้มากเท่าไหร่ ก็หมายความว่าสมาร์ตโฟนที่ใช้ชิป Snapdragon ของ Qualcomm นั้นก็มีโอกาสขายได้น้อยลงด้วย

นอกจากนี้ Mollenkopf ยังได้เปิดเผยว่าในเวลานี้บรรดาแบรนด์สมาร์ตโฟนจีนกำลังโฟกัสไปที่การรักษาและขยายส่วนแบ่งตลาดด้วยเหตุผลในเรื่องความกังวลในข้อจำกัดการจำหน่ายในตลาดต่างประเทศจากบทเรียนเรื่องสงครามการค้า และส่วนใหญ่มองว่าสมาร์ตโฟนที่รองรับเทคโนโลยี 5G คือโอกาสของพวกเขา โดยมองข้ามการทำสมาร์ตโฟนโมเดล 4G ไปแล้ว

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์ของ Qualcomm เองก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นอีกครั้งในปีหน้า จากการมาของเทคโนโลยี 5G ขณะที่ Huawei เองนั้นก็ถือว่าเป็นบริษัทที่เรียกได้ว่าก้าวจากการเป็นลูกค้ามาเป็นคู่แข่งในตลาดชิปเซ็ตกับ Qualcomm ด้วย โดยเฉพาะหลังจากที่เกิดเหตุรัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำพวกเขานั้น Huawei ก็หันมาใช้ชิปเซตที่พัฒนาเอง หรือไม่ก็ชิปจาก MediaTek แทน โดยชิป Snapdragon ที่ Huawei ใช้ในสมาร์ตโฟนของตัวเองนั้นคือ Huawei Y7 2019 ที่เปิดตัวมาเมื่อเดือนมีนาคม

อ้างอิง