วันพุธที่ผ่านมานี้ Apple ออกมาประกาศนโยบายอย่างจริงจังว่าเบราว์เซอร์ Safari จะทำการบล็อกผู้โฆษณาและเว็บไซต์ ไม่ให้ติดตามส่องพฤติกรรมการใช้งานบนโลกออนไลน์ของผู้ใช้งาน และจะลงโทษเว็บไซต์ต่างๆ ที่หลีกเลี่ยงวิธีการป้องกันของ Apple
ปัจจุบัน เว็บไซต์และบริษัทเผยแพร่โฆษณาต่างๆ จะเขียนสคริปต์ติดตามการเข้าชมข้ามเว็บไซต์ คือติดตามจากขณะที่เข้าชมเว็บไซต์หนึ่งแล้วเปลี่ยนไปยังอีกเว็บไซต์หนึ่ง โดยจะจัดเก็บเป็นข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้ เพื่อนำไปวิเคราะห์ว่าผู้ใช้สนใจเรื่องอะไร เพื่อแสดงโฆษณาให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากที่สุด
ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขมาต่อเนื่อง เมื่อสองปีก่อน Safari ได้บล็อกการติดตามข้ามเว็บไซต์ทั้งหมด รวมทั้ง Firefox, Edge และ Chrome ก็พยายามบล็อกการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตามเว็บไซต์ขี้โกงทั้งหลายยังหาเทคนิคหลีกเลี่ยงการป้องกันไปได้ เช่น การใช้ Supercookies และ fingerprinting แบบหน้าตาเฉย
เทคนิคที่ว่า จะขอเริ่มที่ Cookies : คุกกี มันก็คือ ข้อมูลที่เกิดจากสคริปต์สั่งงานให้จัดเก็บค่าการใช้บริการเว็บเพจในหนึ่งทรานแซกชัน ซึ่งจัดเก็บอยู่ในเครื่องของผู้ใช้งาน เมื่อผู้ใช้กลับมาเข้าเว็บเพจใหม่อีกครั้ง ข้อมูลที่เคยเก็บไว้ก็จะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ และจัดเก็บข้อมูลการใช้งานครั้งใหม่ ข้อมูลของผู้ใช้ที่ถูกจัดเก็บ เช่น ไอพี, ชื่อโฮสต์, พอร์ตที่เชื่อมต่อ, ชื่อผู้ใช้, ระบบปฏิบัติการ, เบราว์เซอร์, ข้อมูลที่ทางเว็บไซต์สนใจ ฯลฯ แม้ว่าคุกกีจะส่งข้อมูลของผู้ใช้ไปให้เว็บไซต์ แต่เบราว์เซอร์จะมีระบบป้องกันและสั่งลบข้อมูลนั้นได้ ส่วน Supercookies เป็นคุกกีขั้นเทพ ซึ่งเก็บข้อมูลไว้ในเครื่องผู้ใช้โดยไม่รู้ตำแหน่ง ซึ่งยากต่อการค้นหาและสั่งลบ
fingerprinting คือวิธีการติดตามเบราว์เซอร์โดยข้อมูลการกำหนดค่าและการตั้งค่าที่ส่งไปยังเว็บไซต์ ซึ่งเมื่อผู้ใช้เปิดเว็บเพจข้อมูลเกี่ยวกับเบราว์เซอร์ การตั้งค่า ปลักอินที่ใช้ และภาษา จะถูกส่งไปยังเว็บไซต์โดยอัตโนมัติ หากเว็บไซต์นั้นมีเครื่องมือติดตาม ก็จะนำข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับเบราว์เซอร์ หรือเรียกว่า ลายนิ้วของเบราว์เซอร์ นำไปสร้างเป็นโพรไฟล์เชื่อมโยงกับเบราว์เซอร์ แล้วใช้ติดตามเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ต่างๆ ที่ผู้ใช้เข้าชม วิธีนี้ร้ายกาจกว่าคุกกี เพราะแม้ว่าผู้ใช้จะปิดการทำงานของคุกกีและปิดซ่อนไอพีแอดเดรส แต่เครื่องมือติดตามจะตรวจสอบลายนิ้วมือของเบราว์เซอร์ได้ว่าเป็นผู้ใช้คนเดียวกัน เหมือนกับตำรวจที่ตามจับคนร้ายจากลายนิ้วมือที่ทิ้งร่องรอยไว้ในที่เกิดเหตุนั่นเอง
กลับมาที่ข่าวกัน ด้วยปัญหาเหล่านี้ Apple จึงออกมาประกาศป้องกันข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างเด็ดขาด หลังจากที่ Mozilla Firefox ผู้ผลิต Mozilla ได้ชิงประกาศตัดหน้าไปก่อนหน้านี้ ดังนั้น Apple บริษัทที่มีมูลค่าอันดับหนึ่งของโลก ถ้าไม่ทำอย่างจริงจัง ก็เกรงว่าจะเสียชื่อพี่ใหญ่ในวงการก็เป็นได้
ไม่ว่าค่ายไหนจะออกมาทำก่อน หรือใครทำได้สำเร็จก่อน แต่ก็ถือว่าเป็นความตั้งใจออกมาปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ควรแสดงความรับผิดชอบจากเครื่องมือของตน มากกว่าการนิ่งเฉย หรือใช้ช่องโหว่นี้ไปหากิน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส