Walt Disney ได้เผยโฉมแอป Disney+ ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิงออนไลน์ อย่างเป็นทางการภายในงาน D23 Expo ประจำปี 2019
ตัวแอปดังกล่าวได้รับการจัดเรียงเนื้อหาคล้ายกับบน Apple TV แต่ Disney จะใช้ Machine Learning และการตั้งค่าด้วยคนในการคัดเลือกและนำเสนอเนื้อหาให้ตรงกับที่ผู้ใช้ต้องการมากที่สุด
เมื่อสมัครรับบริการของ Disney+ แล้ว ผู้ใช้จะสามารถสร้างโพรไฟล์ผู้ใช้ได้มากถึง 7 โพรไฟล์ต่อ 1 แอ็กเคานต์ (มากกว่า Netflix ที่ได้แค่ 5) โดยแต่ละโพรไฟล์จะมี Watchlist (รายการที่ติดตามชม) ของตนเอง รวมถึง Recommended For You (รายการแนะนำสำหรับคุณ) และ Continue Watching (เลือกรับชมต่อ) ด้วย (อันนี้เหมือน Netflix)
เมื่อเริ่มเข้าสู่ Disney+ ผู้ใช้ก็จะพบกับซีรีส์และภาพยนตร์ใหม่ที่น่าสนใจมากมาย เช่น ซีรีส์ The Mandalorian และภาพยนตร์ Captain Marvel โดยจะมีการหมุนเอาภาพยนตร์และเนื้อหาต้นฉบับของ Disney มาให้รับชมมากขึ้น
และเมื่อคลิกเลือกที่ชื่อสตูดิโอต่าง ๆ ก็จะแสดงเนื้อหาที่น่าสนใจจากสตูดิโอนั้น ๆ เช่น
- เลือก Disney ก็มีแอนิเมชัน Magic Kingdom ของ Disney ปรากฏขึ้น
- เลือก Pixar ก็จะมีตัวละครโคมไฟที่เป็นสัญลักษณ์ของ Pixar ปรากฏขึ้น
- เลือก Disney+ Originals ก็จะแสดงเนื้อหาอย่าง The Mandalorian, High School Musical: The Musical: The Series, Marvel’s Ms. Marvel และ She-Hulk
แอป Disney+ จะรองรับการดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้รับชมแบบออฟไลน์ได้อย่างไม่จำกัด (ขึ้นอยู่กับเนื้อที่ว่างบนอุปกรณ์ที่ใช้อยู่) อีกทั้งยังสามารถสตรีมเนื้อหาแบบในรูปแบบ 4K, HDR และ Dolby Atmos ได้อีกด้วย โดย 1 แอ็กเคานต์จะสามารถสตรีมเนื้อหาได้พร้อมกันสูงสุด 4 เครื่อง
ในส่วนของค่าบริการนั้นจะเริ่มต้นที่ 6.99 เหรียญต่อเดือน (ประมาณ 212 บาท) และถ้าต้องการรับชม ESPN+ และ Hulu ด้วย จะมีค่าบริการอยู่ที่ 12.99 เหรียญต่อเดือน (ประมาณ 395 บาท)
Disney+ จะเริ่มให้บริการวันที่ 12 พฤศจิกายน 2019 นี้ ในประเทศแคนาดา, สหรัฐอเมริกา และเนเธอร์แลนด์
ข้อมูลอ้างอิง : iclarified
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส