เอซุส (ASUS) ประเทศไทยเปิดตัว ROG Phone 2 สมาร์ตโฟนสายพันธุ์เกมเมอร์ ภายใต้ Sub-Brand “Republic of Gamer” สเปกจัดเต็ม ทั้งซีพียูและการประมวลผล มาพร้อมอุปกรณ์เสริมให้สนุกกับการเล่นเกมที่มากกว่าเดิม กับราคาสุดร้อนแรง สามหมื่นมีทอน!
สำหรับสเปกภายในของเครื่องรุ่นนี้ ASUS ROG Phone 2 นี้ ซีพียูเป็น Qualcomm SnapDradon 855 Plus Octa-Core ความเร็ว 2.96 GHz ถือว่าเป็นรุ่นท็อปที่บรรดาสมาร์ตโฟนเรือธงมักเลือกใช้ มาพร้อมกับแรมที่มากถึง 12 กิกะไบต์ และหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง หรือรอม มากถึง 512 กิกะไบต์ ทั้งนี้ หากคิดว่ายังเยอะไม่พอ สามารถใส่การ์ด MicroSD เพิ่มได้อีกด้วย
หน้าจอขนาด 6.59 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล ถือว่าขนาดหน้าจอนั้นใหญ่กว่ารุ่นเดิมก่อนหน้านี้ รองรับการแสดงผลแบบ 120 Hz ทำให้การแสดงผลของภาพและกราฟิกดูเรียบเนียน และสีสันของภาพนั้นถือว่าไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม พร้อมทั้งกระจกหน้าจอเป็น Corning Gorilla Glass 6 อีกด้วย
ส่วนเรื่องของกล้องนั้น ROG Phone 2 ให้กล้องหลังมา 2ตัวด้วยกัน โดยกล้องหลักคมชัดระดับ 48 ล้านพิกเซล ส่วนอีกกล้องเป็นกล้องภาพมุมกว้าง หรือกล้องเลนส์ไวด์ กว้างระดับ 125 องศา ส่วนของกล้องหน้า ให้มามากถึง 24 ล้านพิกเซล รองรับการทำสตรีมมิงขึ้น YouTube และ Twitch ได้ที่ความคมชัดระดับ 1080p
มาดูกันที่เทคโนโลยีที่ทางเอซุสนำมาใส่และพัฒนาให้ดีจากรุ่นเดิมกันบ้าง เริ่มต้นที่การระบายความร้อนของตัวเครื่องกันก่อน การระบายความร้อนนี้ถูกตั้งชื่อว่า GameCool II ออกแบบให้มีการระบายความร้อนของตัวเครื่องมาถึง 3ชั้นด้วยกัน โดย 2ชั้นแรกอยู่ด้านในของตัวเครื่อง การทำงานคล้ายกับการระบายความร้อนในเครื่องโน้ตบุ๊ก คือผ่านตัวท่อระบายความร้อน ที่ติดกับแผงวงจร ผ่านความร้อนมายังช่องระบายความร้อนที่อยู่ด้านหลังของเครื่อง เป็นชั้นที่2 แต่ถ้าคิดว่ายังระบายไม่ดีพอ ตัว ROG Phone 2 ยังให้ตัว Active Cooling มาด้วย เพียงแค่เสียบที่ด้านหลังของตัวสมาร์ตโฟน พัดลมในตัวจะช่วยทำงานในการระบายความร้อน โดยรับต่อเนื่องจากช่องระบายอากาศที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั่นเอง
Air Trigger II เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีมาจากรุ่นเดิม เพิ่มเติมคือพัฒนาให้รองรับการทำงานที่มากขึ้นกว่าเดิม กล่าวคือ พัฒนาการตอบสนองให้เร็วกว่าเดิม จากเดิมที่ 63 มิลลิวินาที ในรุ่นก่อน พัฒนามาที่ระดับ 20 มิลลิวินาที พร้อมทั้งยังสามารถรองรับการวางพักนิ้วบน Air Trigger ได้, มีการสั่นตอบสนอง และยังสามารถใช้สไลด์แทนการกดลงไปได้อีกด้วย ซึ่งสามารถตั้งค่าใช้งานผ่านโปรแกรมได้
ปิดท้ายที่แอปในการจัดการภายในตัวเครื่อง อย่าง Armony Crate ที่สามารถจัดการการตั้งค่าของเกมต่าง ๆ พร้อมทั้งตั้งค่าการทำงานของตัวเครื่องให้เหมาะกับการใช้งานของเรา ทั้งซีพียู, การตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอ, Refresh Rate ของภาพ และ Air Trigger ทั้งนี้ ยังรวมไปถึงตั้งค่าความเร็วของพัดลมระบายอากาศ และไฟแสดงผลบนโลโก้หลังเครื่องอีกด้วย
และยังมีโปรแกรมจัดการตัวเครื่องระหว่างเกม อย่าง Game Genie แค่เพียงปัดหน้าจอจากขอบทางซ้าย คุณก็สามารถจัดการตั้งค่าการแจ้งเตือนต่าง ๆ, ดูประสิทธิภาพของเครื่อง ณ เวลานั้น, ตั้งค่า Air Trigger และยังสามารถช่วยให้คุณสตรีมหน้าจอเกมที่คุณเล่นในช่วงเวลานั้น สตรีมขึ้น YouTube และ Twitch บัญชีที่คุณได้ซิงก์เอาไว้
นอกเหนือจากนี้ มอเตอร์สั่นในตัวเครื่อง ปรับสปีดได้มากถึง 6 เท่า และปรับความแรงได้ถึง 3เท่าตัว รองรับการสั่นรอบทิศทาง, พอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C มาแบบ 2ทิศทาง ทั้งใต้ตัวเครื่อง และด้านข้างของตัวเครื่อง ช่วยให้การจับตัวเครื่องในช่วงที่เล่นไปชาร์จไป ได้ถนัดมือมากขึ้น และไม่มีเรื่องของสายชาร์จมาจุกจิกกวนใจ
เสาอากาศรับสัญญาณในตัวเครื่องที่มีมาให้ถึง 4 จุด ทำให้การรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตชัดเจนยิ่งขึ้น และไม่ต้องกังวลถึงการถูกรบกวนจากมือของเราเอง รวมไปถึงไวไฟในตัวเครื่อง รองรับมาตรฐาน 802.11 ad ถือเป็นมาตรฐานล่าสุดที่มีการนำมาใช้งานในปัจจุบัน, แบตเตอรี่ที่มาให้ถึง 6,000 มิลลิแอมป์ สามารถเล่นเกมได้ทั้งวัน และยังสามารถทำ Reverse Charging ชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ ได้ และยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของความเป็น ROG กับโลโก้ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ที่มาพร้อมไฟแอลอีดีที่เปลี่ยนสีได้ตามเกมที่เล่น หรือตามการใช้งานของเรา
ไม่ได้มีแค่เพียงสมาร์ตโฟนที่แรงและสเปกขั้นเทพอย่างเดียวที่เปิดตัวไป ยังมีชุดอุปกรณ์เสริมหลากหลาย ที่รอให้เหล่าเกมเมอร์สายพันธุ์ ROG มีติดมือไว้ และให้เป็นเจ้าของกัน เริ่มตั้งแต่
TwinView Dock II
หน้าจอเสริมที่มาในรูปแบบ Docking สามารถพับเก็บลงมาและพกพาไปได้ทุกที่ มาแบตเตอรี่ในตัวถึง 5,000 มิลลิแอมป์ สามารถจ่ายไฟให้ตัว ROG Phone ได้ เสมือนพกพาวเวอร์แบงก์ติดตัวตลอดเวลา นอกจากนี้ หน้าจอรองรับ Refresh Rate มากถึง 120 Hz, รองรับการแสดงผลทั้งสองหน้าจอ ในเกมที่สามารถแสดงผลได้ หรือจะเลือกใช้งานแบบปกติก็ได้ จอหนึ่งเล่นเกม อีกจอไว้เปิด YouTube หรือ Twitch ก็ได้ รวมถึงด้านข้างของ TwinView Dock II ยังรองรับการต่อพ่วง Kunai Gamepad ให้สามารถถือเล่นในสไตล์ Handheld ได้อีกด้วย
Kunai Gamepad
Gamepad (หรือที่ชอบเรียกติดปากว่า Joystick) ที่สามารถประกอบให้เป็น Gamepad ชิ้นเดียว หรือถอดแยกแล้วใส่ประกอบใหม่ ให้เป็นรูปแบบ Handheld ได้ มีปุ่มถึง 25 ปุ่ม ทั้งบนตัวเครื่อง และรอบทิศทาง รองรับการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ และยังสามารถใช้งานกับพีซีได้ ผ่านสาย USB Type-C หรือ Wireless Dongle ก็ได้
Lighting Armor Case
เคสที่มาพร้อมกับไฟแอลอีดีบนตัวโลโก้ ROG โดดเด่นและไม่เหมือนใคร
Mobile Desktop Dock
Docking ที่สามารถเสียบสมาร์ตโฟนของเราลงไป และให้ภาพปรากฎขึ้นมาบนหน้าจอโทรทัศน์ หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเราก็ได้ รองรับการต่อเมาส์และคีย์บอร์ดที่ด้านหลังของ Docking ทำให้คุณสามารถเล่นเกมได้สะดวกยิ่งขึ้น และภาพใหญ่กว่าเดิม
WiGig Display Dock Plus
Docking รองรับการแสดงผลแบบไร้สาย สามารถทำ Mirroring หรือ Cast ภาพหน้าจอของสมาร์ตโฟนของเข้าขึ้นไปได้
ปิดท้ายกันที่ราคากันบ้าง ASUS ROG Phone 2 จำหน่ายที่ราคา 29,990 บาท โดยที่ในกล่องจะให้พัดลมระบายความร้อน AeroActive Cooler II และ Aero Case มาด้วย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ส่วนอุปกรณ์เสริมนั้น ในช่วงนี้จะมี Kunai Gamepad และ TwinView Dock II ที่วางจำหน่ายร่วมด้วย โดย Kunai Gamepad จำหน่ายที่ราคา 3,440 บาท และ TwinView Dock II จำหน่ายที่ราคา 7,490 บาท ส่วนอุปกรณ์เสริมชิ้นอื่น ๆ ยังไม่มีการกำหนดการจำหน่ายแยกเป็นชิ้น ๆ
แต่หากอยากได้ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทางเอซุสได้จำหน่ายเป็นเซ็ต ในชื่อ Super Pack โดยจะได้รับกระเป๋าล้อลาก 1 ใบ ภายในมีอุปกรณ์เสริมครบทุกชิ้น พร้อมทั้งยังมีกระเป๋าสะพายใบเล็ก ใช้สำหรับเก็บสมาร์ตโฟน และอุปกรณ์เสริมที่ต้องการพกพาติดตัว โดย Super Pack นี้ จำหน่ายราคา 27,990 บาท (ไม่จำหน่ายรวมกับสมาร์ตโฟน) และมีจำหน่ายเฉพาะทาง Shopee เท่านั้น
สำหรับใครที่อยากรู้ว่า ASUS ROG Phone 2 จะดีกว่ารุ่นเดิมมากขนาดไหน ประสิทธิภาพที่แท้จริงจะเป็นแบบไหน และการใช้งานอุปกรณ์เสริมชิ้นต่าง ๆ จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามได้จากคลิปนี้ได้เลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส