ในช่วงหลายปีมานี้ AMD ได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Intel ในตลาดชิประมวลผลอย่างไม่น่าเชื่อ และนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (ในช่วง 30 ปีมานี้) ที่ AMD สามารถก้าวล้ำกว่า Intel ได้สำเร็จ
ในปัจจุบัน หุ้นของ AMD มีมูลค่าอยู่ที่ 42 เหรียญ ซึ่งเกือบเทียบเท่ากับมูลค่าสูงสุดตลอดกาล คือ 47.5 เหรียญ ซึ่งเป็นมูลค่าในช่วงก่อนที่สภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ดอตคอม เมื่อเดือนมิถุนายน 2000
- ปล. สภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ดอตคอม (Dot-com Bubble หรือ I.T. Bubble) คือภาวะการเก็งกำไรอันเกินควรของตลาดหลักทรัพย์ภาคเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1997 – 2000 : ข้อมูลจาก wikipedia
และในตอนนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า AMD ได้กลับมายืนหยัดอีกครั้ง และกำลังพัฒนาไปในหลาย ๆ ด้านด้วย ซึ่งปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ การใช้สถาปัตยกรรม Zen ในชิปประมวลผลอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ Forrest Norrod (ฟอร์เรสต์ นอร์ร็อด) ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสของ AMD Datacenter Group ได้กล่าวนำเสนอที่ Barclays (หนึ่งในธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งสหราชอาณาจักร ) ว่า
“เดิมที่เราแข่งขันกับ Intel ในเรื่องของการประมวลผลแบบ Single Thread (การประมวลผลครั้งละ 1 งาน) หรือ Thread ที่น้อยเกินไป แต่ด้วย Rome (โค้ดเนมของ ไมโครโปรเซสเซอร์เซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไมโคร Zen 2 สำหรับแพลตฟอร์มเครื่องเซิร์ฟเวอร์) นั้น ไม่เพียงช่วยให้เราเพิ่มคอร์ (แกนสมองของซีพียู) บน Socket (ซ็อกเก็ต หรือสล็อตเสียบซีพียู) มากขึ้นเป็น 2 เท่า จากชิปรุ่นก่อน แต่ละยังมากขึ้นเป็น 2 เท่า ของชิปรุ่นก่อน ๆ ของ Intel ด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่เรากำลังจะทำลายกฏแห่งธรรมชาติที่ควบคุมอุตสกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในช่วง 30 ปีมานี้ ซึ่ง Intel ได้นำหน้าไปไกลมาก
เมื่อ 4 ปีก่อนนั้นเราตื่นเต้นมาก เพราะคิดแค่ว่าจะได้เข้ามาร่วมในวงการนี้ เราไม่เคยฝันเลยว่าเราจะก้าวล้ำหน้า Intel ได้สำเร็จ
และด้วย Rome เราจะเป็นผู้นำ ไม่เพียงแค่ในด้านการประมวลผลงานปริมาณมาก, HPC (High Performance Computing: การประมวลผลระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง), Cloud และการสร้างภาพจำลองขนาดใหญ่ แต่ทำได้ดีมากในทุก ๆ ด้าน
สิ่งท่านกำลังดูอยู่นี้คือชิประมวลผล 16 คอร์ และ 24 คอร์ ของเรา เปรียบเทียบกับของ Intel แบบ Thread ต่อ Thread ซึ่งเราได้จัดการด้านประสิทธิภาพและพลังงานได้ดีกว่า และนั่นทำให้รองรับงานส่วนใหญ่ได้แทบทุกประเภท
เราคิดว่าอยู่ในตำแหน่งผู้นำระดับสูงของตลาด และเราทำได้ดีกว่าแผนเดิมที่เราวางเอาไว้”
Forrest Norrod ยอมรับตรง ๆ ว่า ชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม Zen รุ่นก่อนของ AMD นั้น ยังขาดประสิทธิภาพด้านการประมวลผลแบบ Single Thread ไป และนั่นคือสิ่งที่ได้รับการแก้ไขในชิปรุ่นล่าสุดนี้
นอกจากนี้ เมื่อ TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company Limited) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ได้เริ่มกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี 5 นาโนเมตร แล้วนั้น ก็ยิ่งทำให้ AMD ก้าวล้ำ Intel มากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทาง Intel ต้องกลับมาคิดทบทวนว่าชิปประมวลผลระดับ 10 นาโนเมตร ของตนนั้นมีข้อผิดพลาดอย่างไร
อย่างไรก็ดี ทั้ง AMD และ Intel จะเริ่มวางจำหน่ายชิปที่ผลิตด้วยกระบวนการ EUV (Extreme Ultraviolet lithography: เทคโนโลยีที่ช่วยติดตั้งทรานซิสเตอร์บนชิปได้จำนวนมาากขึ้น ช่วยให้ประมวลผลได้เร็วขึ้น) รุ่นแรกของตน ในปี 2021 ซึ่งต้งอรอดูกันว่า “แบรนด์ใดจะเป็นผู้นำตลาดชิปประมวลผลต่อไปในอนาคต”
ข้อมูลอ้างอิง : wccftech