เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสีย กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ได้เริ่มจัดการประมูลคลื่นความถี่ 5G ประจำปี 2563 ในย่านความถี่ 700 MHz, 2600 MHz และ 26 GHz โดยมีบริษัทด้านโทรคมนาคมต่าง ๆ ให้ความสนใจในการร่วมประมูล จำนวน 5 บริษัท ดังนี้
- บริษัท ทรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ทรู คอร์ปอเรชัน หรือ TRUE
- บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ดีแทคหรือ DTAC
- บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เอไอเอสหรือ AIS
- บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT
- บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT
ทั้งนี้ พลเอกสุกิจ ขมะสุนทร ผู้ดำรงตำแหน่งประธาน กสทช. ได้จับสลาก เพื่อให้บริษัทที่เข้าร่วมการประมูลที่ได้รับการสุ่มเลือก และจะต้อง Log in เข้าสู่ระบบซอฟต์แวร์การประมูลที่ห้อง พร้อมทั้งแจ้งชื่อผ่านระบบและรหัสผ่านที่มีการจับฉลากได้ โดยจะเริ่มประมูลตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป โดยสิ้นสุดลงเมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. และได้ผลสรุปการประมูลดังนี้
ผลการประมูลคลื่นความถี่ 700 MHz
700 MHz เป็นคลื่นที่ใช้ในกลุ่มโทรทัศน์ดิจิทัลเดิม มีชุดคลื่นความถี่จำนวน 3 ชุด ราคาเริ่มต้น 8,792 ล้านบาท
การประมูลสิ้นสุดลงที่ชุดละ 17,153 ล้านบาท และผลรวมราคาสูงสุดในขั้นตอนการกำหนดราคาย่านความถี่เท่ากับ 1 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่า 51,460 ล้านบาท (เคาะราคา 20 ครั้ง) โดยมีผู้ชนะการประมูลชุดคลื่นความถี่ ดังนี้
- บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด : 1 ชุด ย่านความถี่ 733 – 738 MHz คู่กับ 788 – 793 MHz มีราคาสุดท้ายอยู่ที่ 17,154 ล้านบาท
- บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) : 2 ชุด ย่านความถี่ 738 – 748 MHz คู่กับ 793 – 803 MHz มีราคาสุดท้ายอยู่ที่ 34,306 ล้านบาท
- บริษัท ทรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด : ไม่ได้รับการจัดสรรชุดคลื่นความถี่
- ปล. คลื่น 700 MHz พร้อมใช้งานในเดือนเมษายน 2564
ผลการประมูลคลื่นความถี่ 2600 MHz
2600 MHz เป็นคลื่นความถี่ที่พร้อมให้บริการ 5G โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ชนะการประมูลต้องทำโครงข่าย 5G ในพื้นที่เขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้ได้ 50% ในระยะเวลา 1 ปี โดยมีชุดคลื่นความถี่จำนวน 19 ชุด ราคาเริ่มต้น 1,862 ล้านบาท
การประมูลสิ้นสุดลงที่ชุดละ 1,956 ล้านบาท และผลรวมราคาสูงสุดในขั้นตอนการกำหนดราคาย่านความถี่เท่ากับ 269.9 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่า 37,433.9 ล้านบาท (เคาะราคา 2 ครั้ง) โดยมีผู้ชนะการประมูลชุดคลื่นความถี่ ดังนี้
- บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด : 10 ชุด ย่านความถี่ 2500 – 2600 MHz มีราคาสุดท้ายอยู่ที่ 19,561 ล้านบาท
- บริษัท ทรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด : 9 ชุด ย่านความถี่ 2600 – 2690 MHz มีราคาสุดท้ายอยู่ที่ 17,872.9 ล้านบาท
- บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) : ไม่ได้รับการจัดสรรชุดคลื่นความถี่
การประมูลคลื่นความถี่ 26 GHz
26 GHz เป็นคลื่นความถี่ที่พร้อมให้บริการ 5G ได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด แต่อาจต้องการลงทุนในด้านต่าง ๆ และความพร้อมของอุปกรณ์นานถึง 2 ปี โดยมีชุดคลื่นความถี่จำนวน 27 ชุด ราคาเริ่มต้น 423 ล้านบาท
ผลการประมูลจบลงที่ 26 ชุด จากที่เปิดประมูล 27 ชุด ชุดละ 445 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่า 11,570 ล้านบาท (เคาะราคา 1 ครั้ง) โดยมีผู้ชนะการประมูลชุดคลื่นความถี่ ดังนี้
- บริษัท ทรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด : 8 ชุด ย่านความถี่ 24.3 – 25.1 GHz ราคาสุดท้ายอยู่ที่ 3,576.9 ล้านบาท
- บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด : 12 ชุด ย่านความถี่ 25.2 – 26.4 GHz ราคาสุดท้ายอยู่ที่ 5,345 ล้านบาท
- บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) : 4 ชุด ย่านความถี่ 26.4 – 26.8 GHz ราคาสุดท้ายอยู่ที่ 1,795 ล้านบาท
- บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด : 2 ชุด ย่านความถี่ 26.8 – 27.0 GHz ราคาสุดท้ายอยู่ที่ 910.4 ล้านบาท
รวมมูลค่าการประมูลอยู่ที่ 100,521 ล้านบาท โดยยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ สามารถจำแนกให้เห็นภาพชัด ๆ ได้ ดังนี้
คลื่นความถี่ 700 MHz
- AIS : 10 MHz (1 ชุด)
- CAT : 20 MHz (2 ชุด)
คลื่นความถี่ 2600 MHz
- AIS : 100 MHz (10 ชุด)
- TRUE : 90 MHz (9 ชุด)
คลื่นความถี่ 26 GHz
- AIS : 1200 MHz (12 ชุด)
- TRUE : 800 MHz (8 ชุด)
- DTAC : 200 MHz (2 ชุด)
- TOT : 400 MHz (4 ชุด)
นั่นหมายความว่า บริษัทที่ชนะการประมูลได้ 5G รวมทุกคลื่นไปทั้งสิ้น มีดังนี้
- AIS : 1305 MHz
- TRUE : 890 MHz
- DTAC : 200 MHz
- TOT : 400 MHz
- CAT : 10 MHz
ภายหลังจากการประมูลสิ้นสุดไม่นาน บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค (AWN) ในกลุ่ม AIS ที่ชนะการประมูล ได้ออกมามาแสดงความมั่นใจในการดำเนินงาน และให้บริการ 5G แก่ผู้ใช้ทุกคนอย่างครอบคลุมและทั่วถึง โดยได้ใบอนุญาต ทั้ง 3 คลื่นความถี่
ทั้งนี้ คณะผู้บริหารและพนักงานได้ร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จ โดย AIS ยังคงยืนหยัด รักษาตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมที่ถือครองคลื่นความถี่ในการให้บริการ 4G และ 5G มากที่สุดในประเทศ รวมทั้งสิ้น 1450 MHz พร้อมประกาศเดินหน้าพัฒนาเครือข่าย 5G ทั่วประเทศเป็นรายแรก
ข้อมูลอ้างอิง : thaipbs , kaohoon
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส