Marshall แบรนด์ตู้แอมป์คุณภาพในตำนานได้ออกหูฟังมาแล้วหลายรุ่น โดยเฉพาะหูฟังรุ่น Monitor แบบครอบหู (Over-ear) ได้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2013 ซึ่งเป็นรุ่นมีสาย ต่อมาบริษัทก็เพิ่มออปชันไร้สาย แต่ก็ยังไม่โดนเพราะไม่มีรุ่นที่มีการตัดเสียงรบกวนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Active noise cancellation : ANC) ก็จนมาถึงปัจจุบันกับรุ่นใหม่ Monitor II ANC เป็นหูฟังของ Marshall แบบครอบหูชุดแรกที่มี ANC ตามชื่อรุ่น
ที่จริง ANC ได้มีอยู่ในหูฟังของ Marshall ออกมาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อปี 2018 ในรุ่น Mid ANC แต่เป็นรุ่นแบบ On-ear หรือหูฟังที่ทับอยู่บนหูไม่แบบสนิทเหมือนแบบครอบหู จึงมีเสียงรอบข้างเล็ดลอดเข้ามาได้
ส่วนหูฟังแบบครอบหู Monitor II ANC ในราคา 319 USD เมื่อรวมฟีเจอร์ที่น่าสนใจเข้ากับความงดงามที่โดดเด่นของแบรนด์ตู้แอมป์ยอดนิยมแล้วสุดคุ้มค่าหากได้มาครอบครอง
หากดูครั้งแรกก็คงไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้า เพราะโทนรวมจะเป็นสีดำทั้งหมดแล้วตัดด้วยปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชันสีทองอันโดดเด่น ด้านนอกของ Earcups ยังคงด้วยโลโก้ Marshall สีขาวลอยออกมา และตัวหูฟังทั้งสองด้านยังคงรักษาการผสมผสานระหว่างโลหะที่คงทนกับหนังที่นิ่มนวลและคลาสสิกได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นสุดยอดของการออกแบบในสไตล์ Marshall ที่สาวกต่างคุ้นเคย
จากรูปเราจะเห็นปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชันสีทองสำหรับสั่ง เล่น/หยุดชั่วคราว, ข้ามแทร็กเพลง และปรับระดับความดังของเสียง รวมทั้งเป็นปุ่มเปิดปิดและรับสายหรือปฏิเสธการรับสายโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ตโฟน
จากรูปด้านบนจะมีปุ่มตัว M เมื่อคุณกดปุ่มนี้ค้างไว้ก็จะเข้าสู่ Google Assistant ผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียง ซึ่งช่วยให้คุณสามารถสั่งเล่นเพลง ค้นหาเพลง ศิลปินและควบคุมระดับเสียงได้อย่างสะดวกสบาย และปุ่ม M ยังช่วยในการเข้าถึงพรีเซตของ EQ หรือรูปแบบการปรับ EQ ให้เสียงทุ้มแหลมสอดคล้องกับแนวดนตรีตามพรีเซตที่ตั้งค่าเอาไว้
รวมทั้งมีปุ่ม ANC ใช้กดเลือกสลับระหว่างตัดเสียงรบกวน (Active noise cancelling), โหมดตรวจฟังเสียง (Monitoring Mode) หรือปิดการตัดเสียงรบกวนทั้งหมด
นอกจากนี้หูฟังรุ่นนี้ยังสามารถฟังเพลงในขณะที่เปิดโหมดการตัดเสียงรบกวน AMC ได้นานถึง 30 ชั่วโมงและถ้าปิดการตัดเสียงรบกวนจะฟังได้นานถึง 45 ชั่วโมง ที่เป็นเช่นนี้เพราะการตัดเสียงรบกวนจะใช้พลังงานไฟฟ้านั่นเอง แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรีหมด เพราะแค่รอชาร์จแบต 15 นาทีก็สามารถกลับมาฟังเพลต่อได้อีก 5 ชั่วโมงด้วยฟีเจอร์ชาร์จอย่างรวดเร็วกับพอร์ต USB-C
เมื่อนึกถึงฟีเจอร์ทั้งหมดที่กล่าวไปและเทียบกับราคา 320 USD ก็ถือว่าคุ้มค่ากับหูฟังดี ๆ ที่ต้องมีไว้ติดตัวทั้งฟังเพลงหรือแกะเพลงสำหรับนักดนตรีถือว่าสุดคุ้ม รอซื้อกันได้จะมีวางจำหน่าย 17 มีนาคมนี้
ที่มา : engadget
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส