Facebook Messenger ถูกแยกออกจากแอป Facebook ตั้งแต่ ปี 2011 และถูกบังคับให้ใช้แอปเมื่อไม่กี่ปีมานี้ โดยเฟซบุ๊กให้เหตุผลว่าเพื่อการใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้มากกว่าเดิม และได้เพิ่มการชำระเงิน, เอฟเฟกต์กล้อง, Storie, GIF และสามารถแชตด้วยวิดีโอ
ด้วยผู้ใช้งานมากกว่าหนึ่งพันล้านคน Messenger แบบเต็มรูปแบบที่เบื้องหน้าดูเหมือนเรียบง่าย แค่เบื้องหลังนั้นซับซ้อนกว่ามาก ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ทำให้แอปมีความซับซ้อนมากขึ้น และแอปมีขนาดใหญ่กว่า 130 MB ด้วย Code จำนวนมากทำให้แอปทำงานเริ่มช้าลง โดยเฉพาะอุปกรณ์รุ่นเก่า
โครงการ LightSpeed เริ่มด้วยการที่ว่า Messenger จำเป็นต้องมีความเรียบง่าย เพื่อให้แอปมีขนาดเล็กลง จึงต้องตัดฟีเจอร์บางอย่างออกไปเหลือไว้เฉพาะฟีเจอร์ใช้งานมากที่สุดเท่านั้น อาทิ วีดีโอคอลแบบกลุ่ม สตอรี่ และในที่สุดก็สามารถลดจำนวนโค้ดหลักของแอปได้มากถึง 84% จาก 1.7 ล้านบรรทัดเหลือแค่ 360,000 บรรทัดเท่านั้น ช่วยให้วิศวกรสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และยังทำให้การตอบสนองได้ไว ใช้งานง่าย ให้ประสบการณ์ในการใช้งานแอปที่ดีกว่าเดิม โดยไม่คำนึงถึงอุปกรณ์ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ และเงื่อนไขของเครือข่าย
เมื่อก่อน นักพัฒนาจะเขียนแอปผ่านตัวกลางที่สามารถนำไปต่อยอดตามระบบปฏิบัติการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น iOS และ Android แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนใหม่โดยเลือกการพัฒนาเพื่อระบบปฏิบัติการนั้น ๆ โดยเฉพาะ แทนการพัฒนาผ่านตัวกลางอีกต่อไป
หลังจาก Facebook เริ่มปล่อยให้อัปเดตแล้วมาดูกันดีกว่าว่ามีส่วนไหนเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
เริ่มกันที่หน้าตาดูแตกต่างไปจากเดิมนิดหน่อย แต่ใช้งานง่ายมากขึ้น บางฟีเจอร์ถูกตัดออกไป นอกจากนี้ยังสามารถส่ง GiF และการแชร์ตำแหน่งได้ง่ายกว่าเดิมโดยแตะเพียงไม่กี่ครั้ง การใช้งานรวดเร็วขึ้นเนื่องจากถูกตัดบางฟีเจอร์ออกไป เราสามารถดูสตอรี่ได้ง่ายยิ่งขึ้นโดยเลือกเมนูผู้คนที่อยู่บริเวณด้านขวาล่างของจอ แล้วเลือกดูคนที่เราต้องการได้เลย
สามารถอัปเดตได้ที่ App Store
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส