Apple เปิดตัว iPhone SE ราคาเริ่มต้น $399 หรือ 14,900 บาทไทย มีเป้าหมายชัดเจนที่จะเจาะกลุ่มตลาดกลางหรือราคาถูก (ถูกสไตล์ Apple) สำหรับใครที่ไม่สนใจสมาร์ตโฟนราคาโหดอย่าง iPhone 11 Pro หรือ Galaxy S20 Ultra ที่ราคานั้นเหยียบ $1,000 คำถามที่น่าสนใจคือระหว่าง iPhone SE และ iPhone 11 นั้น เลือกอะไรดี คุ้มไหมที่จะเพิ่มอีก 10,000 บาทเพื่อไปเอา iPhone 11 แทน?
เปรียบเทียบ iPhone SE และ iPhone 11
ดีไซน์ ขนาดเครื่องที่ต่างกัน
จุดแตกต่างทางกายภาพที่สำคัญระหว่าง iPhone SE และ iPhone 11 คือ ขนาดหน้าจอ iPhone SE มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 4.7 นิ้ว ในขณะที่ iPhone 11 มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.1 นิ้ว ถ้าเทียบด้านขนาดแล้ว iPhone SE ก็มีขนาดที่พกพาได้ง่ายกว่า ตัวเครื่องไม่ใหญ่ และขอบไม่หนาเหมือน iPhone 11 แต่ด้านคุณภาพของหน้าจอยังตาม iPhone 11 ที่ใช้เทคโนโลยี “Liquid Retina HD display” ในขณะที่ iPhone SE ยังเป็นแค่ “Retina HD” ธรรมดา ซึ่งถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีความหนาแน่นอนของพิกเซลเท่ากัน แต่ภาพของ iPhone 11 จะคมกว่า iPhone SE
ที่สำคัญคือ iPhone SE ยังคงมีปุ่มโฮม Touch ID เหมือน iPhone 8 ซึ่งตอบโจทย์สำหรับใครที่ไม่ชอบ Face ID ก็ยังมี iPhone ที่มีปุ่มโฮมเป็นตัวเลือกอยู่ครับ
ทั้งสองรุ่นรองรับการกันน้ำ แต่สำหรับ iPhone 11 นั้นจะเหนือกว่าด้วยมาตรฐานการกันน้ำ IP68 ในขณะที่ iPhone SE มีมาตรฐาน IP67 สำหรับ IP68 นั้นกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร ในระยะเวลา 30 นาที ในขณะที่ IP67 กันน้ำได้ลึก 1 เมตร ระยะเวลา 30 นาที
สุดท้ายคือ iPhone SE มีให้เลือกสามสี ได้แก่ ดำ ขาว แดง ในขณะที่ iPhone 11 มีให้เลือกหลายสีกว่า ได้แก่ ดำ ขาว แดง เหลือง เขียว และ ม่วง หากใครชอบสีสันเยอะ ๆ iPhone 11 ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า
กล้อง: iPhone 11 เหนือกว่า
ถ้าใครตั้งความหวังที่เรื่องกล้องก็ตอบได้ชัดเจนว่า iPhone 11 เหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
iPhone SE มีกล้องตัวเดียวความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่รองรับการถ่ายภาพ Portrait mode ผ่านการประมวลผลซอฟต์แวร์ แต่ iPhone 11 มีกล้องหลังสองตัว ได้แก่กล้องเลนส์มุมกว้างปกติ (กล้องหลัก) และกล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษที่รองรับการถ่ายภาพวิวหรือ Landscape ได้ดีกว่า และที่สำคัญคือตัวซอฟต์แวร์นั้นมี Night mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนที่ iPhone SE ไม่มีอีกด้วย
ในส่วนของกล้องหน้า iPhone 11 ก็กินขาด iPhone 11 มีกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ในขณะที่กล้องหน้าของ iPhone SE มีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 1080p เท่านั้น
แต่ชิปประมวลผล Apple A13 ตัวเดียวกันเป๊ะ
ถือว่าเป็นความป๋าของ Apple ที่อัดชิปประมวลผลตัวแรงมาให้ (แต่ก็ไปลดสเปกส่วนอื่นลงเพื่อลดต้นทุน) iPhone SE มาพร้อมชิปประมวลผล Apple A13 Bionic ตัวเดียวกับ iPhone 11 ซึ่งถ้าเทียบอย่างหยาบแล้วก็จะให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ไม่แตกต่างกันมาก แต่ถ้าจะดูอย่างละเอียดก็ต้องรอผล Benchmark ออกมาเทียบกันอีกที
แต่ ถึงแม้ว่า iPhone SE และ iPhone 11 จะใช้ชิปประมวลผล Apple A13 เหมือนกัน แต่ทั้งคู่ก็มีระยะเวลาการใช้งานที่แตกต่างกัน อ้างอิงข้อมูลจาก Apple พบว่า iPhone 11 สามารถเล่นวิดีโอได้นาน 17 ชั่วโมง ในขณะที่ iPhone SE เล่นวิดีโอได้นาน 13 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าแตกต่างกันพอสมควรเลย
สรุป
ถ้า ไม่เน้นเรื่องกล้อง ขอแค่สเปกเครื่องที่แรง รองรับการอัปเดต iOS ได้ยาว ๆ แถมราคาไม่แพง ไม่แคร์ Face ID นาทีนี้ต้องเลือก iPhone SE เพราะถูกกว่า iPhone 11 ถึง 10,000 บาท แต่ถ้าใครต้องการ Face ID + กล้องที่เหนือกว่า ใจก็ไปทาง iPhone 11 อย่างแน่นอนแล้วครับ
อ้างอิง CNET
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส