สื่อท้องถิ่นจีนรายงาน ธนาคารกลางจีนมีแผนในการทดสอบ และทดลองใช้แอปพลิเคชั่นมือถือ สำหรับใช้จัดเก็บ

และแลกเปลี่ยนเงินหยวนดิจิทัล หลังจากมีภาพหลุดของแอปพลิเคชั่นดังกล่าว หลุดออกมาในโลกโซเชียลฯ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

Digital Yaun

Digital Yuan Currency

โดยทางธนาคารกลางสาธารณะรัฐประชาชนจีน (PBoC) ได้ออกมาชี้แจงถึงความคืบหน้า ของโครงการสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ Digital Currency Electronic Payment หรือ DECP ว่าจะเริ่มมีการทดสอบใช้งานในเร็ววันนี้ โดยเริ่มจากสี่เมืองหลัก อย่างเมือง เซิ่นเจิ้น, ซูโจว, เฉิงตู และ สงอัน ตามชื่อที่ขึ้นอยู่ในหน้าลงทะเบียนสำหรับการทดสอบ แอปพลิเคชันจัดเก็บ แลกเปลี่ยนเงินหยวนดิจิทัล

โดยเจ้าหน้าที่ของสถาบันสกุลเงินดิจิทัลของจีนกล่าวในแถลงการณ์ว่า

“ข้อมูลที่หลุดออกไปเกี่ยวกับ DECP ไม่ได้หมายความว่า โครงการเงินหยวนดิจิตอล จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการและใช้งานได้ในเร็ววันนี้ แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทดสอบ ซึ่งอยู่ในกระบวนการวิจัยพัฒนาเท่านั้น” 

เจ้าหน้าที่กล่าวเสริมว่าโครงการนำร่องในเมืองทั้งสี่เป็นเพียง การทดสอบในระบบปิดภายใน ซึ่งจะใช้ในขอบเขตที่จำกัด ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับตลาดการเงินของจีน หรือการไหลเวียนของสกุลเงิน fiat นอกสภาพแวดล้อมการทดสอบ

ธนาคารกลางจีน 

โดยธนาคารกลางจีนได้รวบรวมคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องสกุลเงินเสมือนแห่งชาติ ในปี 2014 และได้รับการอนุมัติจากสภาแห่งรัฐ PBoC เชิญธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของรัฐ และสถาบันที่มีอิทธิพลอื่น ๆ ให้ออกแบบระบบดิจิทัลหยวนในปี 2017 

ถึงแม้จะยังไม่มีกำหนดการณ์ที่ชัดเจนสำหรับโครงการนี้ แต่ธนาคารกลางจีนกล่าวว่า มีแผนจะดำเนินการทดสอบภายในอีกครั้ง และเปิดใช้งานให้ทันในช่วงโอลิมปิกฤดูหนาว ซึ่งจะจัดขึ้นที่ปักกิ่งในปี 2022 หรือราว 2 ปีต่อจากนี้

การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารของจีนกำลังเข้าใกล้ความก้าวหน้าในโครงการ Digital Currency Electronic Payment (DCEP) ได้เร็วอย่างที่คาดการณ์ไว้ แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤตไวรัส แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนเศรษฐกิจ ของคณะกรรมการพัฒนา และปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) คาดว่าธนาคารกลางจะเร่งเดินหน้าต่อไป เมื่อสถานการณ์ของโรคระบาดเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

จากแถลงการณ์ และข้อมูลต่าง ๆ ทีมงานแบไต๋ฯ มองว่าจีนกำลังขยับเข้าใกล้ การเป็นชาติมหาอำนาจที่มีเงินสกุลดิจิทัลเป็นของตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมา จีนถือเป็นประเทศหนึ่งที่เปลี่ยนผ่าน สู่การเป็น ‘สังคมไร้เงินสด’ หรือ Cashless Society ได้อย่างสมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ประเทศหนึ่งของโลก

Digital-yuan

การขยับก้าวสำคัญครั้งนี้ เป็นไปตามคำสั่งของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ที่กล่าวอย่างชัดเจนถึงความต้องการในการขึ้นเป็นผู้นำในแต่ละด้าน รวมถึงในเรื่องของเงินสกุลดิจิทัล และทีมเศรษฐกิจของจีนก็ขานรับเรื่องนี้อย่างดีและรวดเร็ว จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตาว่าโครงการนี้จะสำเร็จเป็นจริงได้เร็วขนาดไหน จีนจะได้ประโยชน์อะไรจากการเป็นผู้นำในเรื่องนี้ รวมถึงคำถามสำคัญคือ ประเทศไทย หรือคนไทยจะปรับ หรือเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้ทัน และได้ประโยชน์จากการมีเงินสกุลดิจิทัลแห่งชาติ

หลายประเทศเล็งเห็นความสำคัญ เร่งแก้กฏหมาย ให้การสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องพื้นฐาน เช่น การให้ความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกต้องกับประชาชน ควบคู่ไปกับการเตือนให้รู้ถึงอันตรายของการหลอกลวง ที่แฝงมากับเงินสกุลดิจิทัล** หรือ Crypto Currency

นอกจากธนาคารกลางจีน ธนาคารกลางรายแห่งทั่วโลก (รวมถึงไทย) ก็กำลังแข่งขันกันเพื่อสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง เพื่อหวังชิงตำแหน่ง และความได้เปรียบในเรื่องการเป็นผู้นำ ซึ่งอาจนำไปใช้เป็นจุดแข็งเชิงนโยบาย สามารถนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อชดเชยกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบัน รวมถึงในอนาคตที่ เทคโนโลยีการเงิน (FinTech) จะกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศได้

**แบไต๋ฯเตือนภัย!** ทีมงานแบไต๋ฯ ได้รับรายงานว่า มีการนำข้อมูลเกี่ยวกับเงินหยวนดิจิทัล ไปแอบอ้าง ชักชวน ว่าเป็นโพรเจกต์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ โครงการพัฒนาเหรียญสกุลดิจิทัล (DCEP) ของจีน ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในเรื่องนี้ เป็นเพียงการอุปโลกน์ และนำไปผูกโยงแอบอ้าง เพื่อหวังสร้างความน่าเชื่อถือ และหลอกลวงให้นำเงินไปร่วมลงทุนเท่านั้น

หากพบเห็นการชักชวนที่เข้าข่ายน่าสงสัย สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่

ที่มา : coindesk

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส